ผู้เขียน หัวข้อ: doctor at home: ไข้รูมาติก (Rheumatic Fever)  (อ่าน 18 ครั้ง)

siritidaphon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 473
  • เครื่องจักรอุตสาหกรรม,สินค้าอุตสาหกรรม
    • ดูรายละเอียด
doctor at home: ไข้รูมาติก (Rheumatic Fever)
« เมื่อ: วันที่ 3 กรกฎาคม 2025, 17:30:38 น. »
doctor at home: ไข้รูมาติก (Rheumatic Fever)

ไข้รูมาติก เป็นภาวะการอักเสบของร่างกายที่เกิดจากการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติ หลังจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัส กลุ่มเอ (Group A Streptococcus หรือ Strep A) ซึ่งมักก่อให้เกิดอาการเจ็บคอ หรือไข้ออกผื่น (Scarlet Fever) ที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน

โรคนี้ไม่ได้ติดต่อโดยตรง แต่เชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัสสามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้ โรคไข้รูมาติกพบบ่อยในเด็กวัยเรียนอายุ 5-15 ปี โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีสุขอนามัยไม่ดี หรือมีการอยู่รวมกันอย่างแออัด

สาเหตุของไข้รูมาติก
ไข้รูมาติกเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Streptococcus Group A ที่บริเวณคอและต่อมทอนซิล (Streptococcal Pharyngitis หรือ Strep Throat) หากการติดเชื้อนี้ไม่ได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะอย่างเหมาะสม ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาต่อสู้กับเชื้อ แต่ภูมิคุ้มกันเหล่านี้อาจ "เข้าใจผิด" ไปโจมตีเนื้อเยื่อปกติของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หัวใจ ข้อต่อ สมอง และผิวหนัง ทำให้เกิดการอักเสบตามมา

อาการของไข้รูมาติก
อาการของไข้รูมาติกมีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับว่าอวัยวะส่วนใดถูกโจมตีและเกิดการอักเสบ อาการมักปรากฏขึ้นประมาณ 2-4 สัปดาห์หลังจากการติดเชื้อเจ็บคอที่ไม่ได้รับการรักษา อาการที่พบบ่อยได้แก่:

ไข้: มักมีไข้ต่ำๆ หรือไข้สูงได้

ข้ออักเสบ (Arthritis): เป็นอาการที่พบบ่อยและเป็นลักษณะเฉพาะ โดยอาการปวดข้อจะ ย้ายตำแหน่ง (migratory polyarthritis) เช่น ปวดบวมแดงร้อนที่ข้อเข่า แล้วย้ายไปปวดที่ข้อเท้า หรือข้อมือ ข้อศอก โดยข้อหนึ่งหายแล้วอีกข้อก็ปวดต่อ มักเป็นข้อใหญ่ๆ

หัวใจอักเสบ (Carditis): เป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงที่สุดและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ หากไม่ได้รับการรักษา หรือเป็นซ้ำหลายครั้ง อาจทำให้เกิด โรคหัวใจรูมาติก (Rheumatic Heart Disease) ตามมาได้ อาการที่บ่งบอกถึงหัวใจอักเสบ ได้แก่

เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก

ใจสั่น หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ หรือเต้นผิดจังหวะ

เจ็บหน้าอก

มีเสียงฟู่ในหัวใจ (Heart Murmur) ที่แพทย์ตรวจพบ

บวมตามตัว (จากภาวะหัวใจวาย)

การเคลื่อนไหวผิดปกติ (Sydenham's Chorea หรือ St. Vitus' Dance):

เป็นการเคลื่อนไหวที่ควบคุมไม่ได้ โดยเฉพาะที่ใบหน้า แขน และขา

มักเกิดขึ้นหลังการติดเชื้อนานกว่าอาการอื่นๆ (ประมาณ 1-6 เดือน) และอาจเป็นมากขึ้นเมื่อเครียดหรือเหนื่อย

ผื่นผิวหนัง (Erythema Marginatum):

เป็นผื่นแดงราบ หรือนูนเล็กน้อย ขอบเป็นวงแหวนขรุขระ คล้ายแผนที่ ไม่คัน และมักพบบริเวณลำตัวและต้นแขนขา

ปุ่มใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Nodules):

เป็นก้อนแข็งขนาดเล็ก ไม่เจ็บ มักพบบริเวณปุ่มกระดูก เช่น ข้อศอก หัวเข่า หรือข้อมือ


ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ

ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงที่สุดของไข้รูมาติกคือ โรคหัวใจรูมาติก (Rheumatic Heart Disease - RHD) ซึ่งเกิดจากการอักเสบซ้ำๆ ที่ทำลายลิ้นหัวใจ ทำให้ลิ้นหัวใจตีบหรือรั่วอย่างถาวร นำไปสู่:

หัวใจวาย: หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ:

ลิ่มเลือดอุดตัน: อาจทำให้เกิดอัมพาต หรือภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ


การรักษาไข้รูมาติก

การรักษาไข้รูมาติกมีวัตถุประสงค์หลักคือ:

กำจัดเชื้อแบคทีเรีย: ให้ยาปฏิชีวนะ (มักเป็นเพนิซิลลิน) เพื่อกำจัดเชื้อสเตรปโตคอคคัสที่ยังหลงเหลืออยู่ในร่างกาย เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำในระยะสั้น

ควบคุมการอักเสบและบรรเทาอาการ: ให้ยาต้านการอักเสบ เช่น แอสไพริน หรือสเตียรอยด์ เพื่อลดไข้ ลดอาการปวดบวมข้อ และลดการอักเสบในหัวใจ

ป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ (Secondary Prophylaxis): เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ผู้ป่วยที่เคยเป็นไข้รูมาติก โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะหัวใจอักเสบร่วมด้วย จะต้องได้รับยาปฏิชีวนะ (มักเป็นเพนิซิลลินชนิดฉีดเข้ากล้ามเนื้อทุก 3-4 สัปดาห์) อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานหลายปี หรือตลอดชีวิต เพื่อป้องกันการติดเชื้อสเตรปโตคอคคัสซ้ำ ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดไข้รูมาติกกำเริบและทำลายหัวใจมากขึ้น

รักษาภาวะแทรกซ้อน: หากเกิดโรคหัวใจรูมาติกแล้ว อาจต้องมีการผ่าตัดซ่อมแซมหรือเปลี่ยนลิ้นหัวใจ

การป้องกันไข้รูมาติก
การป้องกันไข้รูมาติกที่ดีที่สุดคือ การป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อ Strep A หรือการรักษาการติดเชื้อนั้นให้หายขาดอย่างรวดเร็ว ซึ่งมักเน้นในกลุ่มเด็กวัยเรียน:


รักษาอาการเจ็บคอให้หายขาด:

หากมีอาการเจ็บคอ มีไข้ ต่อมทอนซิลแดง มีจุดหนอง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจและรับยาปฏิชีวนะตามแพทย์สั่ง

รับประทานยาปฏิชีวนะให้ครบถ้วนตามแพทย์สั่ง แม้อาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม เพื่อกำจัดเชื้อให้หมดไปจริงๆ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันไข้รูมาติก


รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล:

ล้างมือบ่อยๆ: ด้วยสบู่และน้ำ โดยเฉพาะหลังไอ จาม และก่อนรับประทานอาหาร

ไอ จาม อย่างถูกวิธี: ใช้กระดาษทิชชู หรือข้อพับแขนด้านในปิดปากและจมูก

ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น: เช่น แก้วน้ำ ช้อนส้อม ผ้าเช็ดหน้า

หลีกเลี่ยงการอยู่รวมกันอย่างแออัด: โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ

การตระหนักรู้และเข้ารับการรักษาอาการเจ็บคอจากเชื้อสเตรปโตคอคคัสอย่างเหมาะสมตั้งแต่เนิ่นๆ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกันไข้รูมาติก และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจรูมาติกในระยะยาวค่ะ