มะเร็งปอด พบมากเป็นอันดับที่ 2 ของมะเร็งในผู้ชาย และอันดับที่ 4 ของมะเร็งในผู้หญิง พบมากในช่วงอายุ 50-75 ปี มะเร็งปอดมีอยู่หลายชนิด ได้แก่ มะเร็งปอดชนิดเซลล์เยื่อบุ (squamous cell carcinoma) ซึ่งเป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุดและเกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่ มะเร็งปอดชนิดเซลล์ต่อมเมือก (adenocarcinoma) ซึ่งพบในผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ และชนิด small cell carcinoma ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่ พบได้น้อยกว่าชนิดอื่น แต่มีความร้ายแรงสามารถแพร่กระจายเร็ว
สาเหตุ
ร้อยละ 80-90 เกิดจากการสูบบุหรี่ ยิ่งสูบมากและนานก็ยิ่งเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้มากขึ้น ร้อยละ 5 เกิดจากการรับควันบุหรี่จากผู้อื่น
อาจเกิดจากการสัมผัสสารใยหิน (แอสเบสตอส) จากการทำงาน เช่น การก่อสร้างอาคาร การทำงานที่เกี่ยวกับผ้าเบรก คลัตช์ ฉนวนกันความร้อน อุตสาหกรรมสิ่งทอ เหมืองแร่ เป็นต้น ซึ่งใช้เวลาสัมผัสนาน 15-35 ปีกว่าจะเป็นมะเร็งปอด ถ้าสูบบุหรี่ด้วยก็ยิ่งเสี่ยงมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังอาจเกิดจากการสัมผัสเรดอน (radon ซึ่งเป็นก๊าซกัมมันตรังสีที่เกิดจากการสลายตัวของแร่ยูเรเนียมในหินและดิน กระจายอยู่ในอากาศและน้ำใต้ดิน อาจพบตามเหมืองใต้ดิน อาคารที่ใช้วัสดุก่อสร้างที่ปนเปื้อนก๊าซนี้) มลพิษทางอากาศ (เช่น ควันพิษจากรถยนต์) โรงงานถลุงเหล็กนิกเกิล โครเมียม แคดเมียม โรงงานน้ำมัน ดินน้ำมัน เขม่าจากโรงงาน การดื่มน้ำที่มีสารหนูเจือปน การกินผักและผลไม้น้อย
บางครั้งพบมะเร็งปอดในผู้ป่วยที่มีแผลเป็นในปอดจากโรคปอด เช่น วัณโรคปอด ถุงลมปอดโป่งพอง ภาวะเยื่อพังผืด (fibrosis) ในปอด เป็นต้น
บางรายอาจเป็นมะเร็งปอดโดยไม่มีประวัติการสูบบุหรี่หรือการสัมผัสสารก่อมะเร็งมาก่อนก็ได้
ผู้ที่มีพ่อแม่พี่น้องเป็นมะเร็งปอดมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้มากกว่าปกติ
อาการ
ระยะแรกเริ่มจะไม่มีอาการ ต่อมาจะมีอาการไอเรื้อรัง อาจไอมีเลือดปนเสมหะ หรือไอออกเป็นเลือดสดจำนวนมาก (หากมะเร็งลามถูกหลอดเลือด) หายใจมีเสียงดังวี้ด (หากหลอดลมถูกอุดกั้นจากก้อนมะเร็ง) หรือเจ็บหน้าอกเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุชัดเจน (หากลามไปที่เยื่อหุ้มปอด หรือกระดูกซี่โครง) อาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นโรคหัวใจขาดเลือด
ต่อมาผู้ป่วยมักมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด หายใจหอบเหนื่อย (จากภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด) และอาจมีปอดอักเสบแทรกซ้อน
ภาวะแทรกซ้อน
มะเร็งปอดที่เป็นรุนแรงอาจทำให้มีอาการเจ็บปวดมาก หายใจหอบเหนื่อย ไอออกเป็นเลือดรุนแรง
หากมะเร็งลามไปยังอวัยวะข้างเคียง ก็อาจมีอาการเสียงแหบ กลืนลำบาก ปวดแขน แขนชาและอ่อนแรง หนังตาตกและรูม่านตาหดเล็กข้างหนึ่ง มีอาการบวมที่ใบหน้า คอ และหน้าอกส่วนบน หัวใจเต้นผิดจังหวะ
ในระยะท้าย มะเร็งมักจะลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลืองที่คอหรือแอ่งไหปลาร้า และอวัยวะต่าง ๆ เช่น สมอง (มีอาการปวดศีรษะ สับสน ชัก) ตับ (ตับโต ตาเหลืองตัวเหลือง ท้องมาน) ไขสันหลัง (ขาชาและอ่อนแรง) กระดูก (ปวดกระดูก) เป็นต้น
บางครั้งผู้ป่วยอาจมาปรึกษาแพทย์ด้วยอาการที่มะเร็งลุกลามไปยังอวัยวะเหล่านี้มากกว่าอาการของมะเร็งปอดโดยตรง (ไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือด)
ข้อมูลสุขภาพ: มะเร็งปอด (Lung cancer) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/expert-scoops