แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 40
1
เมนูสร้างอาชีพ แกงพะแนงหมู อาหารไทยคลาสสิก กลิ่นหอมเครื่องเทศ รสชาติเข้มข้นกลมกล่อม

อาหารไทยมีชื่อเสียงระดับโลกในด้านความสมดุลของรสชาติ ทั้งหวาน เค็มและเผ็ดผสมผสานกันอย่างลงตัว รังสรรค์เป็นอาหารที่ทั้งอบอุ่นและน่าตื่นเต้นแกงพะแนงหมูถือเป็นเมนูยอดนิยม ด้วยเนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่ม กลิ่นหอมเครื่องเทศและรสชาติเข้มข้น แกงพะแนงหมูจึงกลายเป็นอาหารหลักไม่เพียงแต่ในครัวเรือนของไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงร้านอาหารไทยทั่วโลก

แกงพะแนงหมูเป็นอาหารไทยประเภทแกงที่มีรสชาติกลมกล่อม หอมเครื่องแกงพะแนง และกะทิที่เคี่ยวจนแตกมัน มีรสชาติเค็ม หวานและเผ็ดเล็กน้อย เนื้อหมูนุ่มละมุนลิ้น เป็นอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างมาก สามารถทำกินเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน

พะแนงแกง คืออะไร?
แกงพะแนง หรือแกงพะแนงเป็นแกงแดงของไทยชนิดหนึ่งที่มีรสชาติอ่อนกว่าและเข้มข้นกว่าแกงชนิดอื่นๆ เช่นแกงแดงหรือแกงเขียวหวาน รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของแกงพะแนงมาจากถั่วลิสงคั่วหรือถั่วที่มีลักษณะคล้ายถั่วลิสงผสมกับเครื่องแกง ทำให้มีรสชาติที่โดดเด่น หวานเล็กน้อย และมีกลิ่นถั่ว

โดยทั่วไปแล้วพริกแกงพะแนงจะประกอบไปด้วย:
พริกแดงแห้ง
ตะไคร้
เปลือกมะกรูด
ข่า
กระเทียมและหอมแดง
รากผักชี
ถั่วลิสงคั่ว (หรือบางครั้งอาจเป็นเมล็ดบด)
กะปิ
เมื่อผสมกับกะทิแล้วจะกลายเป็นซอสครีมหอมที่เกาะติดกับเนื้อสัตว์หรือผักได้อย่างดี

ทำไมต้องหมู?
แม้ว่าแกงพะแนงจะทำจากไก่ เนื้อวัว หรือแม้แต่อาหารทะเลก็ได้ แต่เนื้อหมูก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมความหวานตามธรรมชาติของเนื้อหมูเข้ากันได้อย่างลงตัวกับรสชาติเข้มข้นหวานเล็กน้อยของแกง หมูหั่นบางๆ ซึมซับซอสแกงได้ดี ทำให้ทุกคำนุ่มละมุนและอร่อย

ส่วนผสมหลักสำหรับแกงพะแนงหมู
ในการเตรียมอาหารจานนี้มักใช้ส่วนผสมดังต่อไปนี้:
เนื้อหมูหั่นเป็นชิ้น – โดยทั่วไปจะใช้ส่วนไหล่หรือสันในของหมูเพื่อความนุ่ม
เครื่องแกงพะแนง – ทำเองหรือซื้อจากร้าน
กะทิ – เพื่อความเข้มข้นและความครีมมี่
ใบมะกรูด – เพื่อกลิ่นส้ม
น้ำตาลมะพร้าว – เพื่อปรับสมดุลความเค็ม
น้ำปลา – รสชาติเค็มและอูมามิอันเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทย
พริกแดงหั่นเป็นแว่น – สำหรับตกแต่งและเพิ่มความเผ็ดเล็กน้อย
โหระพาไทยสด – ไม่จำเป็นแต่เพิ่มความสดชื่น

วิธีการทำ
วิธีทำแกงพะแนงหมูทำง่ายแต่ได้ประโยชน์:
ตั้งกะทิในกระทะหรือกระทะก้นลึกให้ร้อนเล็กน้อยจนกระทั่งกะทิระเหยเป็นน้ำมันและมีกลิ่นหอม
ใส่พริกแกงพะแนงลงไปผัดจนหอม
ใส่หมูหั่นลงไปผัดจนสุกกับพริกแกง
ใส่กะทิลงไปแล้วเคี่ยวจนหมูเปื่อย
ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลมะพร้าวเพื่อรสชาติที่สมดุล
ใส่ใบมะกรูดและพริกแดงหั่นแว่น
ตกแต่งด้วยใบมะกรูดหรือโหระพาไทยสับละเอียดก่อนเสิร์ฟ

โปรไฟล์รสชาติ
แกงพะแนงหมู มักถูกบรรยายไว้ว่า:
หอมมันเข้มข้นจากกะทิ
เผ็ดเล็กน้อยเมื่อเทียบกับแกงไทยอื่นๆ
หอมหวานจากถั่วลิสงและน้ำตาลปาล์ม
หอมสดชื่นด้วยใบมะกรูด
เป็นแกงที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการรสชาติที่เข้มข้นแต่ไม่เผ็ดเกินไป

เคล็ดลับ
การเคี่ยวหัวกะทิให้แตกมันก่อนจะช่วยให้แกงมีสีสวยและมีกลิ่นหอมน่ารับประทานมากขึ้น
สามารถปรับรสชาติความเค็ม หวาน และเผ็ดได้ตามชอบ
ถ้าชอบแกงข้นๆ สามารถลดปริมาณหางกะทิได้
หากไม่มีพริกแกงพะแนงสำเร็จรูป สามารถโขลกเครื่องแกงเองได้จากพริกแห้ง, หอมแดง, กระเทียม, ตะไคร้, ข่า, ผิวมะกรูด, รากผักชี, พริกไทย, ยี่หร่าและกะปิ

แกงพะแนงหมูเป็นเมนูที่ทำได้ง่ายและอร่อยถูกใจคนไทยหลายคน
วิธีทานแกงพะแนงหมูให้อร่อย
อาหารจานนี้เหมาะที่สุดที่จะเสิร์ฟพร้อมข้าวหอมมะลินึ่งซึ่งจะช่วยปรับสมดุลความเข้มข้นของแกงกะหรี่ หากต้องการสัมผัสรสชาติแบบดั้งเดิมมากขึ้น สามารถใช้ข้าวเหนียวแทนได้ รับประทานคู่กับเครื่องเคียงเบาๆ เช่น ผักสด ไข่เจียว หรือผักดอง จะทำให้มื้ออาหารของคุณสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

ความสำคัญทางวัฒนธรรม
ในอาหารไทย แกงอย่างพะแนงถือเป็นอาหารโปรดที่คุ้นเคย มักถูกปรุงขึ้นสำหรับมื้ออาหารของครอบครัวและงานสังสรรค์ เชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกันผ่านรสชาติที่คุ้นเคย พะแนงยังเป็นตัวแทนของศิลปะการปรุงแต่งรสชาติแบบไทยๆ ที่ผสมผสานรสชาติเผ็ด หวาน เค็ม และครีมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว

แกงพะแนงหมู (แกงพะแนงหมู)ไม่ได้เป็นเพียงอาหารจานอร่อยเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวแทนของศิลปะการปรุงอาหารไทย ด้วยเนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่ม กลิ่นหอมเครื่องเทศ และรสชาติที่ลงตัว จึงครองใจนักชิมทั่วโลก ไม่ว่าจะลองชิมที่ร้านอาหารไทยหรือทำเองที่บ้าน แกงพะแนงคือเมนูที่พลาดไม่ได้สำหรับใครก็ตามที่อยากสัมผัสรสชาติอันเข้มข้นของอาหารไทย

2
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


3
จัดฟันบางนา: ข้อดีของสะพานฟัน

การดูแลรักษาความสะอาดของสุขภาพช่องปากและฟัน เป็นเรื่องที่สำคัญมากต่อร่างกายของเรา เพราะปัญหาสุขภาพฟันนั้น สามารถส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมได้ ดังนั้น เราจึงควรรักษาความสะอาดของช่องปากของเราให้ดี เพื่อที่เราจะได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีได้  นอกจากจะเป็นการป้องกันความเสี่ยงต่อการเกิดโรคฟันผุแล้ว ยังช่วยทำให้เรามีบุคลิกภาพที่ดี มีรอยยิ้มที่มั่นใจ สามารถพบปะผู้คนได้อย่างมั่นใจ เนื่องจากปัญหาสุขภาพช่องปากและฟัน สุดท้ายแล้ว อาจจะทำให้เราต้องสูญเสียฟันธรรมชาติไป เนื่องจากเกิดฟันผุและไม่ได้ดูแลรักษาอย่างถูกต้อง

ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพฟันอย่างมาก บางครั้งอาจจะส่งผลกระทบต่อฟันบริเวณข้างเคียง ทำให้เกิดปัญหาตามไปด้วย ซึ่งการทดแทนฟันธรรมชาติสามารถแก้ไขได้โดยการรักษาทางทันตกรรมคือ การรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม และการทำสะพานฟัน ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่เคยได้ยินในเรื่องของการทำสะพานฟัน วันนี้เราจะมาพูดถึงการทดแทนฟันธรรมชาติโดยการรักษาด้วยการทำสะพานฟันว่ามีข้อดีอย่างไร  ซึ่งถือการทำสะพานฟัน เป็นการรักษาทางทันตกรรมที่เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากเลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังสามารถคืนความมั่นใจให้แก่ผู้เข้ารับการรักษาได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

สำหรับการรักษาด้วยการทำสะพานฟัน เป็นวิธีการแก้ไขปัญหาการสูญเสียฟันธรรมชาติไปอาจจะเนื่องจากการเกิดโรคฟันผุ หรืออาจจะเกิดจากการเข้ารับการถอนฟัน บริเวณฟันหน้า ที่จะทำให้รู้สึกขาดความมั่นใจเวลายิ้ม ซึ่งส่งผลทำให้ผู้เข้ารับการรักษาเสียบุคลิกภาพด้วย นอกจากนี้ ยังช่วยในทั้งด้านความสวยงามและสุขภาพช่องปากโดยรวม ก่อนทำสะพานฟันผู้เข้ารับการรักษาควรศึกษาข้อดี ข้อเสีย ขั้นตอนการทำ และวิธีดูแลปากและฟัน ก่อนตัดสินใจรับการรักษาด้วยวิธีการทำสะพานฟัน หลายคนอาจจะสงสัยแล้วว่า การทำสะพานฟันนั้น มีข้อดีอย่างไรบ้าง

ก่อนอื่นที่เราจะมาพูดถึงข้อดี เราจะมาพูดถึงเหตุผลว่าทำไมเราควรที่จะทดแทนฟันธรรมชาติด้วยการทำสะพานฟัน การใส่สะพานฟันนั้น มีเหตุผลในการรักษาเพื่อการทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไป ซึ่งการสูญเสียฟันนั้นถือเป็นปัญหาฟันที่รุนแรง ทำให้เราต้องสูญเสียฟันธรรมชาติไป และอาจจะส่งผลต่อการเกิดปัญหาอื่นๆตามมาได้ในอนาคต  เนื่องจากฟันทุกซี่มีการทำงานที่สัมพันธ์กัน การสูญเสียฟันแม้เพียงซี่เดียวอาจส่งผลให้ฟันที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้ ทำให้ยากต่อการทำความสะอาดช่องปากและฟัน ซึ่งอาจเกิดโรคฟันผุตามมา

สำหรับข้อดีของการใส่สะพานฟันนั้น เป็นวิธีแก้ไขปัญหาการสูญเสียฟันที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียเช่นเดียวกับการทำฟันปลอมชนิดอื่น ๆ ซึ่งทันตแพทย์จะเป็นผู้แนะนำและให้ข้อมูลแก่ผู้เข้ารับการรักษา เพื่อให้ผู้เข้ารับการรักษาได้พิจารณาถึงประโยชน์และความเสี่ยงของการใส่สะพานฟัน เพื่อที่จะประกอบการตัดสินใจ โดยข้อดีของการทำสะพานฟันจะช่วยทำให้ฟันของผู้เข้ารับการรักษากลับมาดูเป็นปกติ สวยงามเป็นธรรมชาติและมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ช่วยให้สามารถบดเคี้ยวอาหารและพูดคุยได้อย่างปกติ โดยไม่มีปัญหาในเรื่องของการออกเสียง

นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการเคลื่อนที่ของฟันในบริเวณข้างเคียง เพราะการที่เรามีช่องปากว่างระหว่างฟัน เนื่องจากการสูญเสียฟันอาจจะทำให้ฟันเกิดล้มหรือฟันห่างได้ ซึ่งการทำสะพานฟันจะช่วยป้องกันปัญหาดังกล่าวได้ การทำสะพานฟันยังช่วยคงรูปหน้าไม่ให้เปลี่ยนไปเนื่องจากผลกระทบของการสูญเสียฟัน  ช่วยกระจายน้ำหนักในการกัดของฟัน ทำให้แรงกดของฟันแต่ละซี่เท่ากัน ทำให้ลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาฟันได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม การทำสะพานฟัน ยังช่วยเสริมสร้างในเรื่องของสุขภาพช่องปากปากและฟันด้วย เพราะจะทำให้การทำความสะอาดช่องปากและฟันเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพด้วย อย่างไรก็ตาม ทางคลินิก เราอยากให้ทุกคนหันมาใส่ใจในเรื่องของการทำความสะอาดช่องปากและฟัน เพื่อที่จะได้มีสุขภาพช่องปากที่แข็งแรง ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดฟันผุได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4
หมอออนไลน์: พิษเห็ด (Mushroom poisoning)

เห็ดพิษ มีหลากหลายชนิด และในเห็ดพิษชนิดเดียวกันก็อาจมีพิษอยู่หลายชนิดต่าง ๆ กันไป ภาวะพิษจากเห็ด (พิษเห็ด) จึงมีอาการได้หลายลักษณะ ส่วนใหญ่จะเกิดอาการแบบอาหารเป็นพิษทั่วไป คือ ปวดท้อง อาเจียน และท้องเดิน แต่เห็ดพิษบางชนิดมีพิษต่ออวัยวะสำคัญ อาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ เช่น

    พิษต่อตับ ที่สำคัญได้แก่ เห็ดตระกูลอะมานิตา (Amanita) มีสารพิษร้ายแรงต่อตับชื่อ อะมาท็อกซิน (amatoxins) ทำให้ตับวาย ไตวาย ในบ้านเราได้แก่ เห็ดระโงกหิน* (มีชื่ออื่น เช่น เห็ดไข่ห่านตีนตัน เห็ดระโงก เห็ดระงาก เห็ดสะงาก เห็ดไข่ตายซาก เป็นต้น) มีลักษณะเป็นเห็ดขนาดใหญ่ รูปทรงสะดุดตา ขึ้นอยู่ทั่วไปตามเรือกสวนไร่นาและป่าเขา เป็นสาเหตุการป่วยและการตายที่สำคัญของชาวบ้าน โดยเฉพาะทางภาคเหนือและอีสานที่นิยมกินเห็ดป่า ซึ่งมักจะปรากฏเป็นข่าวทุกปี
    พิษต่อประสาทส่วนกลาง เช่น เห็ดตระกูลไจโรมิทรา (Gyromitra) มีพิษไจโรมิทริน (gyromitrin) หรือเรียกว่า โมโนเมทิลไฮดราซีน (monomethylhydrazine) นอกจากมีผลต่อสมองแล้ว ยังทำให้เกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตก และภาวะเมตเฮโมโกลบินในเลือด (methemoglobinemia) ตับวาย ไตวายได้

นอกจากนี้ยังมีเห็ดตระกูลซิโลไซบ์ (Psilocybe) ซึ่งมีพิษซิโลไซบิน (psilocybin) และซิโลซิน (psilocin) ซึ่งมีโครงสร้างทางเคมีคล้ายซีโรโทนิน มีฤทธิ์คล้ายสารเสพติดแอลเอสดี (LSD) ทำให้เคลิบเคลิ้ม ประสาทหลอน และทำลายระบบประสาทอย่างรุนแรง ในบ้านเรา ได้แก่ เห็ดขี้ควาย** (ตำราแพทย์โบราณเรียก เห็ดโอสถรวมจิต) ซึ่งขึ้นอยู่ตามกองมูลวัวมูลควายแห้ง พบได้ทั่วไปในทุกภาค

    พิษต่อประสาทอัตโนมัติ เช่น เห็ดตระกูลอิโนไซบ์ (Inocybe) และคลิโทไซบ์ (Clitocybe) มีพิษมัสคารีน (muscarine) ออกฤทธิ์โคลิเนอร์จิก (กระตุ้นประสาทพาราซิมพาเทติก) อาการคล้ายพิษยาฆ่าแมลงประเภทออร์แกโนฟอสเฟต แต่รุนแรงน้อยกว่า พิษชนิดนี้ถูกทำลายด้วยความร้อน

นอกจากนี้ยังมีเห็ดพันธุ์ Amanita muscaria ซึ่งมีพิษมัสซิมอล (muscimol) และกรดไอโบเทนิก (ibotenic acid) ออกฤทธิ์แอนติโคลิเนอร์จิกคล้ายอะโทรพีน และมีฤทธิ์ทำให้มีอาการประสาทหลอนร่วมด้วย

    พิษต่อไต เช่น เห็ดตระกูลคอร์ตินาเรียส (Cortinarius) มีพิษออเรลลานีน (orellanine) และออเรลลีน (orelline) ทำให้เกิดภาวะไตวายภายหลังกินเห็ด 1-3 สัปดาห์ พิษชนิดนี้ถูกทำลายด้วยความร้อน
    พิษร่วมกับแอลกอฮอล์คล้ายไดซัลฟิเเรม (disulfiram)*** เช่น เห็ดตระกูลโคพรินัส (Coprinus) มีพิษโคพรีน (coprine) ซึ่งมีความทนต่อความร้อน จะเกิดพิษเฉพาะเมื่อกินเห็ดร่วมกับแอลกอฮอล์

พิษเห็ดบางชนิดมีความทนต่อความร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเห็ดระโงกหินที่มีพิษร้ายแรง ถึงแม้ปรุงให้สุกพิษก็ไม่ถูกทำลาย บางชนิดทำให้สุกอาจลดพิษลงหรือทำลายพิษได้ เช่น พิษมัสคารีน พิษไจโรมิทริน

อาการของพิษเห็ดขึ้นกับชนิดและปริมาณพิษที่ได้รับ

*ประกอบด้วยเห็ด 2 ชนิด ได้แก่ Amanita verna และ Amanita virosa

**มีชื่อวิทยาศาสตร์ - Psilocybe cubensis Sing. และชื่อสามัญ - Magic mushroom

***ไดซัลฟิแรมกินร่วมกับแอลกอฮอล์ ทำให้เกิดอาการหน้าแดง ตัวแดง ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก เหงื่อแตก ใช้เป็นยาบำบัดผู้ที่ติดแอลกอฮอล์ โดยกระตุ้นให้เกิดความเข็ดขยาดจนเลิกดื่ม ถ้าใช้ขนาดมากเกินอาจเกิดพิษได้

อาการ

1. พิษชนิดอ่อน (ที่ไม่มีพิษต่ออวัยวะสำคัญ) ทำให้เกิดอาการแบบอาหารเป็นพิษทั่วไป คือ ปวดท้อง อาเจียน ท้องเดิน มักเกิดหลังกินเห็ด 30 นาที ถึง 2 ชั่วโมง (อาจเกิดระหว่าง 5 นาที ถึง 36 ชั่วโมงหลังกินเห็ดก็ได้) ถ้ารุนแรงทำให้เกิดภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ มักจะหายได้เองภายใน 24 ชั่วโมง

2. พิษต่อตับ (เห็ดระโงกหิน) มักเกิดอาการหลังกินเห็ด 6-24 ชั่วโมง (เฉลี่ย 12 ชั่วโมง) ระยะแรกจะมีอาการปวดบิดเกร็งในท้อง อาเจียน และถ่ายท้องรุนแรง บางรายอาจมีมูกเลือดปน อาจเกิดภาวะขาดน้ำรุนแรงถึงตายได้ แต่ถ้าได้รับสารน้ำและเกลือแร่ทดแทนได้พอเพียง อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้น จนดูเหมือนปกติ (ระยะนี้ถ้าตรวจเลือดอาจพบเอนไซม์ตับ คือ AST และ ALT สูงขึ้นเรื่อย ๆ) จนกระทั่ง 2-4 วันหลังกินเห็ดจะเกิดภาวะตับวาย เนื่องจากเซลล์ตับถูกทำลายรุนแรง และมักมีภาวะไตวายและหัวใจวายร่วมด้วย มีอัตราตายสูง (มากกว่าร้อยละ 20)

3. พิษต่อประสาทส่วนกลาง

เห็ดตระกูลไจโรมิทรา (พิษไจโรมิทริน) จะเกิดพิษมากเมื่อกินแบบไม่ปรุงสุก มักเกิดอาการหลังกินเห็ด 6-24 ชั่วโมง จะเริ่มด้วยอาการปวดท้อง อาเจียน ท้องเดิน เป็นตะคริว ซึ่งมักจะไม่รุนแรง ต่อมาจะมีอาการเพ้อ ชัก หมดสติ อาจเกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตก ภาวะเมตเฮโมโกลบินในเลือด (methemoglobinemia) ตับวาย ไตวายได้ มีอัตราตายสูงพอประมาณ (น้อยกว่าร้อยละ 10)

พิษซิโลไซบินเเละซิโลซิน (เห็ดขี้ควาย) หลังกินเห็ด 30-60 นาที ผู้ป่วยจะรู้สึกเคลิบเคลิ้ม ประสาทหลอน (โดยเฉพาะเห็นภาพหลอน) เดินโซเซ รูม่านตาขยาย ใจเต้นเร็ว หายใจถี่ ความดันโลหิตสูง มีการเคลื่อนไหวมากผิดปกติ บางรายอาจมีอาการชัก ผู้ป่วยอาจรู้สึกตื่นตระหนก กลัวตาย โดยทั่วไปภาวะพิษชนิดนี้มักจะไม่รุนแรงถึงตาย

4. พิษต่อระบบประสาทอัตโนมัติ

พิษมัสคารีน จะเกิดพิษมากเมื่อกินแบบไม่ปรุงให้สุก มักเกิดอาการหลังกินเห็ด 30-60 นาที จะมีอาการอาเจียน ท้องเดิน ปัสสาวะราด น้ำตาไหล น้ำลายฟูมปาก เสมหะมาก หลอดลมหดเกร็ง (อาจมีเสียงหายใจดังวี้ด) ชีพจรเต้นช้า ความดันโลหิตต่ำ รูม่านตาหดเล็ก มักจะไม่รุนแรงถึงตาย

พิษมัสซิมอลและกรดไอโบเทนิก หลังกินเห็ดประมาณ 30 นาที ผู้ป่วยมีอาการเมา เดินโซเซ เคลิ้มฝัน ร่าเริง กระปรี้กระเปร่า ประสาทหลอน เอะอะโวยวาย หลังจากนั้นจะหลับนาน เมื่อตื่นขึ้นมาอาการจะหายเป็นปกติภายใน 1-2 วัน แต่ถ้ากินเห็ดชนิดนี้มาก ๆ จะเกิดอาการคล้ายพิษอะโทรพีน ได้แก่ หน้าแดง ตัวแดง ตื่นเต้น เพ้อ กล้ามเนื้อสั่นและกระตุก ชัก รูม่านตาขยาย ชีพจรเต้นช้า มักจะไม่รุนแรงถึงตาย

5. พิษต่อไต หลังกินเห็ด 24-48 ชั่วโมง จะมีอาการปวดท้อง อาเจียน ท้องเดิน ซึ่งมักไม่รุนแรง เมื่อมีอาการทุเลาหรือหายแล้ว หลังจากกินเห็ด 36 ชั่วโมง ถึง 2 สัปดาห์ ผู้ป่วยอาจเกิดภาวะไตวายตามมา โดยมีอาการปวดเอว กระหายน้ำมาก ปัสสาวะออกมากและบ่อย หรือปัสสาวะออกน้อย ร่วมกับอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ ง่วงนอน ภาวะไตวายมักเป็นเรื้อรังนานเป็นแรมเดือนแรมปี

6. พิษร่วมกับแอลกอฮอล์ เกิดอาการหลังกินเห็ดแกล้มเเอลกอฮอล์ 10-30 นาที หรือเมื่อดื่มแอลกอฮอล์หลังจากกินเห็ดแล้วถึง 1 สัปดาห์ก็ได้ ผู้ป่วยจะมีอาการหน้าแดง ตัวแดง ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก ใจสั่น เหงื่อแตก ชาตามตัว รูม่านตาขยาย ความดันโลหิตสูง บางรายอาจมีความดันโลหิตต่ำ

ภาวะแทรกซ้อน

ภาวะขาดน้ำรุนแรง ถึงขั้นช็อก และเสียชีวิต

ที่ร้ายแรง ได้แก่ ภาวะตับวาย (มีอาการซึม เพ้อ ชัก หมดสติ ดีซ่าน จ้ำเขียวตามตัว อาจเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ) ไตวาย (มีอาการอ่อนเพลีย ปัสสาวะออกมาก และบ่อยกว่าปกติ หรือปัสสาวะออกน้อย) ซึ่งเป็นสาเหตุการตายที่สำคัญ


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ในระยะแรกอาจพบภาวะขาดน้ำ โดยเฉพาะในรายที่อาเจียน และถ่ายท้องมาก

ระยะต่อมาอาจพบอาการอื่น ๆ ขึ้นกับพิษที่ได้รับ เช่น ดีซ่าน (ตาเหลือง) อาการทางระบบประสาท (เคลิบเคลิ้ม ร่าเริง ซึม เพ้อ เดินโซเซ ชัก หมดสติ) ชีพจรเต้นช้า ความดันโลหิตต่ำหรือสูง รูม่านตาขยายหรือหดเล็ก เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์มักจะวินิจฉัยภาวะพิษเห็ดจากลักษณะอาการ ประวัติการกินเห็ด และตรวจตัวอย่างเห็ดที่เป็นสาเหตุ

การซักถามช่วงเวลาที่กินเห็ดกับช่วงเวลาที่เริ่มมีอาการอาจมีประโยชน์ในการแยกแยะสาเหตุ ถ้าเริ่มมีอาการหลังกินเห็ดน้อยกว่า 6 ชั่วโมง มักเกิดจากพิษชนิดอ่อนและชนิดร้ายแรงไม่มาก ได้แก่ ซิโลไซบินเเละซิโลซิน (เห็ดขี้ควาย) พิษต่อประสาทอัตโนมัติ (มัสคารีน มัสซิมอล และกรดไอโบเทนิก) แต่ถ้าเริ่มมีอาการหลังกินเห็ดมากกว่า 6 ชั่วโมง มักเกิดจากพิษร้ายเเรง ได้แก่ พิษต่อตับ (เห็ดระโงกหิน) พิษต่อไต พิษไจโรมิทริน

ถ้าเริ่มมีอาการหลังกินเห็ดร่วมกับดื่มแอลกอฮอล์ 2-72 ชั่วโมง ก็เกิดจากพิษโคพรีน

การรักษา ให้การรักษาขั้นพื้นฐาน (อ่านเพิ่มเติมที่ "การรักษาขั้นพื้นฐาน (ที่สถานพยาบาล) สำหรับผู้ป่วยที่กินสัตว์หรือพืชพิษ" ด้านล่าง) และรับตัวผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล เพื่อเฝ้าติดตามอาการ ตรวจเลือด ประเมินการทำงานของตับและไต และให้การรักษาตามอาการ เช่น ให้ยาบรรเทาปวด ปรับดุลสารน้ำและเกลือแร่ ใช้เครื่องช่วยหายใจ ให้ยากล่อมประสาท (ในรายที่กระสับกระส่าย เอะอะโวยวาย) ให้ยาแก้ชัก ให้กลูโคส (ในรายที่มีภาวะน้ำตาลต่ำ) เป็นต้น

เมื่อทราบว่าเป็นเห็ดพิษชนิดใด หรือผู้ป่วยมีอาการแสดงชัดเจนว่าเป็นจากพิษชนิดใด ก็จะให้การรักษาตามสาเหตุ ดังนี้

    พิษต่อตับ (เห็ดระโงกหิน) ให้ผงถ่านกัมมันต์และยาต้านพิษ อาจทำการล้างไตโดยวิธีฟอกเลือด (hemodialysis) ทำการถ่ายพลาสมา (plasmapheresis), hemofiltration หรือ hemoperfusion กรณีที่มีภาวะตับวายรุนแรง อาจต้องทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับ
    พิษไจโรมิทริน ให้ผงถ่านกัมมันต์ทุก 4 ชั่วโมง และยาระบาย ให้ยาต้านพิษ
    พิษซิโลไซบินเเละซิโลซิน (เห็ดขี้ควาย) ควรแยกผู้ป่วยอยู่ในที่สงบ ในรายที่มีอาการตื่นตระหนก ประสาทหลอน กลัวตาย ให้ยากล่อมประสาท เช่น ไดอะซีแพม
    พิษมัสคารีน ให้อะโทรพีนเข้าหลอดเลือดดำ สามารถให้ซ้ำจนกระทั่งเสมหะแห้ง อาการมักจะดีขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง
    พิษมัสซิมอลเเละกรดไอโบเทนิก ถ้ามีอาการชักให้ไดอะซีเเพมเข้าหลอดเลือดดำ
    พิษต่อไต ไม่มียาต้านพิษ ควรทำการตรวจเลือดดูการทำงานของไตเป็นระยะ ๆ ปรับดุลสารน้ำและเกลือแร่ ถ้าจำเป็นอาจต้องทำการล้างไตโดยวิธีฟอกเลือด (hemodialysis) หรือทำ hemoperfusion และอาจต้องผ่าตัดปลูกถ่ายไต
    พิษร่วมกับเเอลกอฮอล์ ถ้ามีความดันโลหิตต่ำ ต้องให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ ถ้าไม่ได้ผลให้นอร์เอพิเนฟรีน ถ้าอาการรุนแรงมากอาจต้องทำการฟอกล้างของเสียทางเลือด

การรักษาขั้นพื้นฐาน (ที่สถานพยาบาล) สำหรับผู้ป่วยที่กินสัตว์หรือพืชพิษ

1. ถ้าผู้ป่วยกินสัตว์หรือพืชพิษมาไม่เกิน 1 ชั่วโมง และยังไม่อาเจียน รีบทำให้ผู้ป่วยอาเจียนด้วยการให้ไอพีเเคกน้ำเชื่อมหรือใช้นิ้วล้วงคอ

2. ให้ผู้ป่วยกินผงถ่านกัมมันต์ (activated charcoal) ขนาด 1 กรัม/กก. โดยผสมน้ำ 1 แก้ว โดยให้ผู้ป่วยดื่มเอง ถ้าอาเจียนหรือดื่มเองไม่ได้ ให้ป้อนผ่านท่อสวนกระเพาะ (stomach tube) ถ้าผู้ป่วยหมดสติ ควรใส่ท่อช่วยหายใจก่อนเพื่อป้องกันการสำลัก

ควรให้เร็วที่สุดเมื่อพบผู้ป่วย (วิธีนี้จะได้ผลมากที่สุดเมื่อให้กินภายใน 30 นาทีหลังกินสัตว์หรือพืชพิษ) ไม่ควรให้ก่อนหรือหลังให้ยาที่ทำให้อาเจียน

ในรายที่รับพิษร้ายเเรง เช่น ปลาปักเป้า แมงดาถ้วย เห็ดพิษร้ายแรง หรือสงสัยรับพิษปริมาณมาก ควรให้ซ้ำทุก 4 ชั่วโมง

3. ทำการล้างกระเพาะอาหารด้วยน้ำเกลือนอร์มัลหรือน้ำ

วิธีนี้จะได้ผลดี เมื่อผู้ป่วยกินสารพิษมาไม่เกิน 1 ชั่วโมง และไม่มีอาการอาเจียน ถ้าทำหลังกินสารพิษมากกว่า 4 ชั่วโมง อาจไม่ได้ประโยชน์และไม่คุ้มกับผลข้างเคียง (ที่สำคัญคือ การสำลักเข้าปอดทำให้ปอดอักเสบ)

ควรกระทำโดยบุคลากรที่ชำนาญ และในที่ที่มีความพร้อม

ไม่จำเป็นต้องทำ ถ้าผู้ป่วยมีอาการอาเจียนมาก และห้ามทำในผู้ป่วยชัก ไม่ค่อยรู้ตัว หมดสติ

อาจให้ผงถ่านกัมมันต์กินก่อนล้างกระเพาะ หรือผสมผงถ่านกัมมันต์ในน้ำล้างกระเพาะก็ได้

4. ให้ผู้ป่วยดื่มโซเดียมไบคาร์บอเนต ขนาด 2-5% จำนวน 50 มล.

5. ให้กินยาระบาย ซอร์บิทอล (sorbitol) ขนาด 70% อาจกินเดี่ยว ๆ หรือผสมกับผงถ่านกัมมันต์แทนน้ำก็ได้ ถ้าไม่มีอาจให้ยาระบายอื่น ๆ เช่น ยาระบายแมกนีเซีย (Milk of Magnesia) แทน ให้ได้ไม่เกิน 2 ครั้ง

ห้ามทำ ในรายที่มีอาการถ่ายท้องมากอยู่แล้ว หรือมีภาวะขาดน้ำที่ยังไม่ได้รับการทดแทน

6. ให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ

7. ถ้าชักฉีดไดอะซีเเพม 5-10 มก.เข้าหลอดเลือดดำ

8. ถ้าหยุดหายใจหรือหายใจไม่ได้ ให้ทำการช่วยเหลือด้วยการเป่าปาก หรือใช้เครื่องช่วยหายใจ

9. ถ้าหมดสติ ให้การรักษาแบบหมดสติ


การดูแลตนเอง

หากสงสัยว่าผู้ป่วยเกิดอาการพิษเห็ด ควรทำการปฐมพยาบาลแล้วรีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที

การปฐมพยาบาล สำหรับผู้ป่วยที่กินสารพิษ สัตว์พิษ หรือพืชพิษ

1. รีบทำให้ผู้ป่วยอาเจียน เพื่อขับพิษออก

    ถ้ามียากระตุ้นอาเจียน ได้แก่ ไอพีแคกน้ำเชื่อม (syrup ipecac) ให้กินครั้งละ 15-30 มล. (เด็กโต 15 มล.) และดื่มน้ำตามไป 1 แก้ว ถ้ายังไม่อาเจียนใน 20 นาที กินซ้ำได้อีก 1 ครั้ง
    ถ้าไม่มียา ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำ 1 แก้ว แล้วใช้นิ้วล้วงเข้าไปเขี่ยที่ผนังลำคอกระตุ้นให้อาเจียน ถ้าไม่ได้ผลทำซ้ำอีกครั้ง

ควรเก็บเศษอาหารที่อาเจียน ไว้ส่งตรวจวิเคราะห์

วิธีนี้จะได้ผลดี ต้องรีบทำภายใน 1 ชั่วโมงหลังกินสารพิษ และไม่ต้องทำหากผู้ป่วยมีอาการอาเจียนเองอยู่แล้ว

ห้ามทำ ในผู้ป่วยที่ชัก ไม่ค่อยรู้ตัวหรือหมดสติ หรือกินกรด ด่าง น้ำมันก๊าด ทินเนอร์ หรือสารพิษไม่ทราบชนิด

2. ถ้ามีผงถ่านกัมมันต์ (activated charcoal) ให้กินขนาด 1 กรัม/กก. โดยผสมน้ำ 1/2-1 แก้ว เพื่อลดการดูดซึมสารพิษเข้าร่างกาย (ไม่ต้องทำถ้าผู้ป่วยกินกรด ด่าง น้ำมันก๊าด ทินเนอร์)

ถ้าไม่มีผงถ่านกัมมันต์ ให้กินไข่ดิบ 5-10 ฟอง หรือดื่มนมหรือน้ำ 4-5 แก้ว

3. สำหรับผู้ป่วยที่กินพาราควอต ให้กินสารละลายดินเหนียว (Fuller’s earth) โดยผสมผงดินเหนียว 150 กรัม หรือ 2 1/2 กระป๋อง ในน้ำ 1 ลิตร ถ้าไม่มีให้ดื่มน้ำโคลนดินเหนียวจากท้องร่องในสวน (ที่ไม่มีตะปูหรือเศษแก้ว หรือสารพิษตกค้าง) ซึ่งจะลดพิษของยานี้ได้

4. สำหรับผู้ที่กินปลาปักเป้า แมงดาถ้วย ปลาทะเลพิษ หอยทะเลพิษ เห็ดพิษ ให้ดื่มโซเดียมไบคาร์บอเนตขนาด 2-5% จำนวน 50 มล. (อาจเตรียมโดยผสมผงฟู 1-2.5 กรัม ในน้ำ 50 มล.) ซึ่งจะช่วยลดพิษของอาหารพิษได้

ห้ามทำ ข้อ 2-4 ถ้าผู้ป่วยชัก ไม่ค่อยรู้ตัวหรือหมดสติ

5. ถ้าผู้ป่วยมีภาวะขาดน้ำ ให้ดื่มสารละลายน้ำตาลเกลือแร่ หรือให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ

6. ถ้าผู้ป่วยชักหรือหมดสติ ให้ทำการปฐมพยาบาลเช่นเดียวกับผู้ป่วยชัก (อ่านใน "โรคลมชัก" เพิ่มเติม) หรือหมดสติ (อ่านใน "อาการหมดสติ" เพิ่มเติม)

7. รีบพาผู้ป่วยไปโรงพยาบาล ควรนำสารพิษที่ผู้ป่วยกินหรืออาเจียนออกมาไปให้แพทย์ตรวจวิเคราะห์ด้วย


การป้องกัน

1. ห้ามกินเห็ดระโงกหินที่มีพิษต่อตับโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะทำให้สุกหรือไม่ก็ตาม

2. หลีกเลี่ยงการกินเห็ดธรรมชาติหรือเห็ดป่าที่ไม่รู้จัก หรือไม่เคยมีผู้อื่นบริโภคมาก่อน หรือเห็ดที่เก็บมาจากบริเวณที่เคยมีเห็ดพิษขึ้นมาก่อน หากไม่แน่ใจ ไม่มีข้อมูลเพียงพอ ก็ไม่ควรบริโภคเป็นอันขาด

3. ในการเก็บเห็ด ควรมีผู้ที่มีประสบการณ์อยู่ร่วมตรวจสอบด้วยเสมอ ไม่ควรเก็บเห็ดในบริเวณที่มีสารพิษตกค้าง

4. ในการบริโภคเห็ดธรรมชาติหรือเห็ดป่า ควรปฏิบัติดังนี้

    ไม่ควรกินแบบสด ๆ หรือเห็ดที่ไม่ได้ทำให้สุก (เห็ดบางชนิดเมื่อถูกความร้อน พิษจะถูกทำลายลง)
    ไม่ควรนำเห็ดหลายชนิดมาปรุงรวมกัน ควรแยกออกเสียก่อน หากเกิดเป็นพิษจะได้ง่ายต่อการวินิจฉัย
    ไม่ควรนำเห็ดไปปรุงจนหมด ควรเก็บดอกอ่อนและดอกแก่ไว้อย่างละ 1 ดอกเป็นอย่างน้อย เพื่อนำส่งวิเคราะห์หากเกิดการเป็นพิษขึ้นมา

5. การพิสูจน์พิษเห็ดโดยวิธีพื้นบ้าน (เช่น ใช้ช้อนเงิน งาช้าง ข้าวสาร หัวหอม หรือใช้ร่องรอยการทำลายจากหนอน แมลง และสัตว์) รวมทั้งการสังเกตลักษณะรูปทรง สีสันของเห็ด มีความไม่แม่นยำ จึงไม่ควรนำเห็ดที่ผ่านการพิสูจน์โดยวิธีเหล่านี้มาบริโภค


ข้อแนะนำ

1. ถ้าพบผู้ป่วยมีอาการเป็นพิษจากเห็ด ควรให้การรักษาพยาบาลเบื้องต้น และส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลทุกราย เมื่อดูแลรักษาจนดูเป็นปกติแล้วก็อย่าพึ่งวางใจ เนื่องเพราะพิษต่อตับและไตอาจค่อย ๆ เกิดขึ้นช้า ๆ กินเวลาเป็นวัน ๆ ถึงสัปดาห์ ๆ ก็ได้ ควรตรวจเลือดดูการทำงานของตับและไตเป็นระยะ ๆ (ยกเว้นในกรณีที่วินิจฉัยได้แน่ชัดว่าไม่ได้เกิดจากเห็ดที่มีพิษต่อตับหรือไตเท่านั้น) โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่กินเห็ดระโงกหิน (พบมากทางภาคเหนือและอีสาน) ควรติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด จนกว่าจะตรวจเลือดแล้วไม่พบมีความผิดปกติของตับหลังเกิดอาการ 7 วันไปแล้ว

2. ควรให้ความรู้แก่คนทั่วไปถึงอันตรายของเห็ดพิษ วิธีป้องกัน อาการแสดงของเห็ดพิษ และการปฐมพยาบาล รวมทั้งเก็บเศษอาหารที่อาเจียนและชิ้นส่วนเห็ดส่งไปตรวจพิสูจน์ที่โรงพยาบาล

3. โดยทั่วไปผู้ที่มีอาการเกิดขึ้นภายใน 6 ชั่วโมงหลังกินเห็ดมักเป็นพิษที่ไม่ร้ายแรง ถ้าเกิดขึ้นหลัง 6 ชั่วโมงมักเป็นพิษชนิดร้ายแรง แต่อาจมีข้อยกเว้นถ้ามีการกินเห็ดพิษหลายชนิดพร้อมกัน การเกิดอาการเร็วก็อาจไม่ได้ประกันว่าจะไม่เป็นพิษร้ายแรง (ซึ่งมักเกิดตามมาช่วงหลัง)

4. ผู้ป่วยที่เกิดจากพิษต่อตับหรือไต บางครั้งอาจมาพบแพทย์ในช่วงหลัง คือมีอาการของตับวาย (เช่น มีอาการดีซ่าน จ้ำเขียวตามตัว หรือซึม เพ้อ ชัก) หรือไตวาย (อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ง่วงนอน เบื่ออาหาร ปัสสาวะออกมากหรือน้อยกว่าปกติ) ดังนั้น ถ้าพบอาการดังกล่าว ควรคิดถึงภาวะพิษจากเห็ดไว้เสมอ


5
จังหวัดนนทบุรี มีลักษณะยังไง ทำไม รถรับจ้างขนย้ายบ้านนนทบุรี จึงมีทุกรูปแบบ

ถ้าจะพูดถึงจังหวัดนนทบุรี ตั้งอยู่ในภาคกลางของประเทศไทย เป็นหนึ่งในจังหวัดที่อยู่ใกล้กรุงเทพมหานครมากที่สุด จนได้รับการขนานนามว่าเป็น เมืองบริวารของกรุงเทพฯ นนทบุรีมีความหลากหลายทั้งในด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และวิถีชีวิต จึงเป็นจังหวัดที่มีความต้องการด้านการขนส่งที่หลากหลาย โดยเฉพาะบริการ รถรับจ้างขนของนนทบุรี ที่ครอบคลุมทุกประเภทการใช้งาน

ลักษณะเด่นของจังหวัดนนทบุรี

1. พื้นที่กึ่งเมืองกึ่งชนบท

บอกได้เลยว่านนทบุรีเป็นจังหวัดที่มีลักษณะเฉพาะตัว เพราะมีทั้งพื้นที่เขตเมืองที่เจริญรุ่งเรือง เช่น อำเภอเมือง และพื้นที่ชนบทที่เงียบสงบ เช่น บางใหญ่ บางบัวทอง หรือไทรน้อย การผสมผสานนี้ทำให้เกิดความต้องการในการขนย้ายที่แตกต่างกัน ตั้งแต่การ ขนย้ายบ้าน ในเขตเมืองไปจนถึงการขนส่งสินค้าเกษตรในพื้นที่ชนบท

2. ชุมชนที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

นนทบุรีมีโครงการหมู่บ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมใหม่ๆ เกิดขึ้นจำนวนมาก ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวของเมืองหลวง ทำให้ความต้องการใช้บริการขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และการย้ายบ้านมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องค่ะ

3. ศูนย์กลางการค้าและเศรษฐกิจ

ตลาดขนาดใหญ่ เช่น ตลาดบางใหญ่ และ ตลาดนกฮูก เป็นจุดที่มีการค้าขายคึกคัก สินค้าทั้งขนาดเล็กและใหญ่ เช่น อุปกรณ์ก่อสร้าง ผลไม้ หรือสินค้าจากโรงงาน ล้วนต้องการ บริการขนส่ง ที่รวดเร็วและเชื่อถือได้


ทำไม รถรับจ้างขนของนนทบุรี ถึงมีทุกรูปแบบ

1. ตอบโจทย์ความหลากหลายของความต้องการ

เนื่องจากนนทบุรีมีทั้งการย้ายบ้าน ขนย้ายสินค้าเกษตร การขนส่งสินค้าจากร้านค้า ไปจนถึงการย้ายสำนักงาน ทำให้บริษัทหรือผู้ให้ บริการรถรับจ้าง ต้องมีรถหลากหลายประเภท เช่น รถกระบะรับจ้าง รถหกล้อรับจ้าง และรถสิบล้อ เพื่อรองรับทุกความต้องการ

2. การเข้าถึงพื้นที่ที่หลากหลาย

ด้วยลักษณะภูมิประเทศของนนทบุรีที่มีทั้งซอยเล็ก ซอยใหญ่ และพื้นที่น้ำท่วมขังในบางฤดูกาล รถรับจ้างนนทบุรี ที่ให้บริการในพื้นที่นี้จึงต้องมีความคล่องตัว เช่น รถกระบะสำหรับซอยแคบ หรือรถหกล้อสำหรับขนของในปริมาณมาก

3. เชื่อมต่อกับจังหวัดใกล้เคียง

นนทบุรีเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญระหว่างกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง เช่น ปทุมธานี และอยุธยา ทำให้ บริการรถรับจ้างนนทบุรี ต้องมีทั้งการขนส่งในพื้นที่และการขนส่งระหว่างจังหวัด เพื่อให้ครอบคลุมการใช้งานทุกระยะทาง

4. รองรับทุกงบประมาณ

ผู้ให้บริการในนนทบุรีมีทั้งรายใหญ่และรายย่อย ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถเลือกบริการที่เหมาะสมกับงบประมาณของตนเองได้ ไม่ว่าจะเป็นบริการ รถกระบะขนของราคาถูก หรือ บริการรถหกล้อที่มาพร้อมทีมงานมืออาชีพ

บริการรถรับจ้างขนของในนนทบุรีมีอะไรบ้าง

    รถกระบะรับจ้างนนทบุรี เหมาะสำหรับขนย้ายของขนาดเล็กถึงปานกลาง เช่น การย้ายหอพัก ย้ายคอนโด หรือขนของในตลาด
    รถหกล้อรับจ้างนนทบุรี เหมาะสำหรับขนย้ายบ้านทั้งหลัง ขนย้ายเฟอร์นิเจอร์จำนวนมาก หรือสินค้าที่มีน้ำหนักมาก
    รถสิบล้อรับจ้างนนทบุรี รองรับการขนส่งสินค้าในปริมาณมาก ขนาดใหญ่ มีน้ำหนักเยอะ เช่น สินค้าจากโรงงาน หรือสินค้าที่ต้องเดินทางระยะไกล
    รถเครนหรือรถพ่วง เหมาะสำหรับการขนย้ายเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ก่อสร้างขนาดใหญ่

จังหวัดนนทบุรีมีความพิเศษในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่หลากหลาย การเติบโตของชุมชนเมือง หรือบทบาทสำคัญในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจและการขนส่งในพื้นที่ใกล้กรุงเทพฯ สิ่งเหล่านี้ทำให้ความต้องการใช้บริการ รถรับจ้างขนของนนทบุรี มีความหลากหลายและตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้คนในพื้นที่ หากคุณกำลังมองหาบริการขนย้ายในนนทบุรี เลือกขนส่ง ที่เหมาะสมจะช่วยให้การขนย้ายของคุณสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยยิ่งขึ้นค่ะ

การใช้บริการ รถรับจ้างขนของนนทบุรี ไม่เพียงแต่ช่วยให้การขนย้ายเป็นเรื่องง่าย แต่ยังช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะเมื่อคุณเลือกผู้ให้บริการที่เหมาะสมกับความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการย้ายบ้าน ขนส่งสินค้า หรือย้ายสำนักงาน การมีตัวเลือกที่หลากหลาย เช่น รถกระบะ รถหกล้อ หรือ รถสิบล้อ ทำให้คุณสามารถปรับการใช้งานได้ตามความต้องการของคุณ

ดังนั้น หากคุณกำลังมองหาบริการรถรับจ้างในนนทบุรี อย่าลืมพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ประเภทของรถ ราคา และประสบการณ์ของผู้ให้บริการ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับบริการที่ดีที่สุด พร้อมให้การขนย้ายเป็นเรื่องง่าย สะดวกค่ะ

รถรับจ้างขนของนนทบุรี พร้อมให้บริการทุกวัน ครอบคลุมทุกความต้องการ ไม่ว่าคุณจะย้ายบ้าน ย้ายสินค้า หรือแม้แต่ขนย้ายของขนาดใหญ่ นนทบุรีคือทำเลทองที่บริการขนส่งสามารถตอบโจทย์ได้อย่างครบวงจรค่ะ

6
การจัดฟันเด็ก ช่วยทำให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

เด็กๆหลายคนมีปัญหาในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน เพราะอาจจะทำความสะอาดช่องปากและฟันได้ไม่ถูกวิธี ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ผู้ปกครองที่จะต้องสอนให้บุตรหลานของท่านรู้จักวิธีการดูแลรักษาความสะอาดช่องปากและฟันอย่างถูกวิธี เพราะการที่เด็กมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี แน่นอนว่าส่งผลดีต่อพัฒนาการและคุณภาพชีวิตของเด็ก  ซึ่งในเด็กที่มีปัญหาในเรื่องของการสบฟันหรือลักษณะฟัน ก็สามารถเข้ารับการจัดฟันได้เหมือนผู้ใหญ่ ถึงแม้ว่าเด็กจะยังมีฟันน้ำนมอยู่ก็ตาม เพราะเป็นการแก้ปัญหาฟันผิดปกติของเด็กๆ โดยไม่ต้องรอให้ถึงวัยรุ่น โดยช่วยให้สุขภาพฟันดี และรองรับการขึ้นของฟันแท้ในอนาคตได้ เพราะฟันน้ำนมของเด็กส่วนใหญ่ พ่อแม่ผู้ปกครองมักจะไม่ค่อยให้ความสำคัญ

แต่แท้จริงแล้ว ฟันน้ำนมของลูกนั้น มีความสำคัญมากพอๆกับฟันแท้ และฟันน้ำนมยังส่งผลต่อการขึ้นของฟันแท้อีกด้วย เพราะถ้าหากเด็กสูญเสียฟันน้ำนมก่อนวัยอันควร แน่นอนว่า ฟันแท้จะมีการขึ้นที่ผิดปกติอย่างแน่นอน บางรายอาจจะเกิดภาวะฟันหาย เนื่องจากฟันแท้ไม่สามารถขึ้นได้ตามปกติ สำหรับเด็กที่ปัญหาเกี่ยวกับฟันไม่ว่าจะเป็น ปัญหาฟันหน้ายื่น เพราะเสี่ยงต่อการแตกหักของตัวฟัน เมื่อเกิดอุบัติเหตุ เช่น หกล้ม ตกบันได มีฟันสบผิดปกติ เพราะอาจทำให้ขากรรไกรเติบโตแบบไม่สมดุลกัน ช่องฟันห่าง เพราะช่วยปรับให้ซี่ฟันอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง และง่ายต่อการขึ้นของฟันแท้ขากรรไกรไม่ได้สัดส่วนกับหน้า เพราะเจริญเติบโตผิดปกติ หรือวิธีการกลืนผิดปกติ เด็กที่มีพฤติกรรมดูดนิ้ว กัดเล็บ กัดสิ่งของเป็นประจำ นอนหายใจทางปาก เด็กเหล่านี้แน่นอนว่า มีปัญหาในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันอย่างแน่นอน และการที่เด็กมีปัญหาในเรื่องของฟันนั้น อาจจะส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กได้ เนื่องจากเด็กอาจจะรับประทานอาหารได้ไม่สะดวก เนื่องจากฟันมีปัญหาและส่งผลให้กาบดเคี้ยวอาหารทำได้ไม่ดี และอาจจะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของเด็กด้วย ดังนั้น วันนี้

สำหรับคุณภาพชีวิตที่ดีของเด็กนั้น แน่นอนว่า กิจวัตรประจำวันของเด็ก จะต้องไปเรียนหนังสือ ทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งถ้าหากเด็กมีปัญหาในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน แน่นอนว่า กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างแน่นอน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากเด็กมีฟันหลอ อาจจะทำให้เด็กโดนเพื่อนล้อได้ ทำให้รู้เข้าสังคมได้ยาก และอาจจะทำให้เด็กไม่กล้าเข้าสังคม นี่คือสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากการที่เด็กมีปัญหาในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน

นอกจากนี้ในเรื่องของบุคลิกภาพก็ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตเด็กได้ เพราะการที่เด็กมีรอยยิ้มที่สดใส สมวัย ก็จะทำให้เด็กรู้สึกมีความมั่นใจในตัวเอง ส่งผลดีต่อพัฒนาการของเด็ก ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองจึงมีส่วนสำคัญในการดูแลสุขภาพฟันของเด็ก พ่อแม่ควรแนะนำวิธีการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันอย่างถูกวิธี โดยสอนให้ลูกแปรงฟันให้สะอาดอย่างถูกวิธี สอนให้เด็กบ้วนปากด้วยน้ำเปล่าเพื่อกำจัดเศษอาหารที่ติดอยู่ ประมาณ 3-4 ครั้งต่อวัน บ้วนปากด้วยฟลูออไรด์ก่อนนอนทุกคืน

ช่วยสอนให้ลูกขัดฟันเพื่อทำความสะอาดในซอกที่เข้าถึงยากและพาเด็กไปพบทันตแพทย์ทุกหกเดือนเพื่อตรวจสุขภาพฟัน ในเรื่องของการช่วยให้ลูกรู้จักวิธีการแปรงฟันที่ถูกต้อง พ่อแม่ผู้ปกครองต้องสร้างทัศนคติให้แก่ลูกเพื่อที่ลูกจะได้ให้ความสำคัญต่อการดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน ก่อนที่พ่อแม่ผู้ปกครอง จะพาเด็กมาพบกับทันตแพทย์ พ่อแม่ควรพูดแต่สิ่งดีๆ ไม่พูดข่มขู่ให้เด็กกลัว เพราะไม่เช่นนั้น ลูกจะมีทัศนคติไม่ดีกับทันตแพทย์ และอาจจะไม่ยอมเข้ารับการรักษา

เพราะฉะนั้น ถ้าอยากให้เด็กมีทัศนคติที่ดีเกี่ยวสุขภาพช่องปากและฟัน ควรพาลูกหลานมาตรวจและทำฟันตั้งแต่ตอนที่เด็กยังไม่มีฟันผุหรือปวดฟัน เพราะจะทำให้เด็กไม่กลัวการทำฟันหรือกลัวทันตแพทย์ และยังเป็นโอกาสดีในการรับคำแนะนำจากทันตแพทย์ในเรื่องของวิธีการดูแลสุขภาพฟันที่ถูกต้อง และเพื่อให้ลูกน้อยคุ้นเคยกับบรรยากาศในห้องทำฟัน และการพบทันตแพทย์เพื่อทำฟัน เด็กจะได้ไม่กลัวและมีทัศนคติที่ดีในการไปหาหมอฟัน ถือเป็นการปลูกฝังสุขนิสัยที่ดีตั้งแต่ตอนที่อายุยังน้อยด้วย เพื่อให้เด็กเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วย

หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด อยากพาบุตรหลานของท่านเข้าพบทันตแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจฟันหรือจะเป็นการจัดฟันในเด็ก สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิก เพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านทันตกรรมในเด็ก เพื่อให้เด็กได้มีสุขภาพช่องปากและฟัน เพราะการที่เด็กมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีก็จะช่วยทำให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีตามไปด้วย รวมไปถึงช่วยเสริมสร้างให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดี หากบุตรหลานของท่านเข้ารับการรักษากับทางคลินิกบุตรหลานของท่านจะมีฟันที่สวยงาม มีรอยยิ้มที่สดใส สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุขอย่างแน่นอน

7
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


8
ก่อนเดินทางไกลควรตรวจเช็ครถอย่างไรบ้าง กับ รถขนของไปต่างจังหวัด รถรับจ้างอุดรธานี

ปัจจุบันเราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า รถยนต์ ได้กลายไปส่วนสำคัญที่ช่วยให้การเดินทางของเราสะดวกสบายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางเพื่อธุรกิจ ท่องเที่ยว หรือขนย้ายของ โดยเฉพาะเมื่อมีความจำเป็นที่จะต้องเดินทางไกลๆ และแน่นอนล้วนต้องการความพร้อมของยานพาหนะเพื่อความปลอดภัยและความมั่นใจตลอดเส้นทางของการเดินทางค่ะ ซึ่ง รถรับจ้างอุดรธานี จะพาไปดูว่าอะไรบ้างที่ต้องตรวจเช็คก่อนออกเดินทาง แน่นอนว่า รถรับจ้างอุดร ของเรามีประสบการณ์ในการวิ่งระยะทางไกลมาแล้วมากมาย เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ยังไม่ทราบและสำหรับนักเดินทางไกลมือใหม่ค่ะ สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญและต้องตรวจเช็ครถก่อนออกเดินทางทุกครั้ง ไปดูกันเลย


1. ตรวจสอบระบบเบรก

ต้องบอกว่าระบบเบรกเป็นหัวใจสำคัญของความปลอดภัย แน่นอนว่า รถรับจ้างอุดรธานี ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากค่ะ และต้องเช็กว่าผ้าเบรกยังไม่สึกหรอ น้ำมันเบรกอยู่ในระดับที่เหมาะสม และไม่มีเสียงหรืออาการผิดปกติขณะเหยียบเบรก หากว่ามีความผิดปกติควรเปลี่ยนโดยช่างผู้ชำนาญการค่ะ หรือนำรถเข้าศูนย์เพื่อตรวจสอบอีกรอบค่ะ


2. ตรวจลมยางและดอกยาง

แน่นอนว่าการเดินทางไกลๆ สิ่งที่ทำงานอยู่ตลอดเวลานั่นคือ ยางรถ เราต้องให้ความสำคัญและต้องตรวจเช็คความพร้อมให้อยู่ในสภาพดี ลมยางต้องพอดีกับน้ำหนักบรรทุก หากดอกยางสึกมากเกินไปควรเปลี่ยนทันที เพราะอาจลื่นไถลได้ ซึ่งการเดินทางไกลๆ บางครั้งเราไม่ทราบว่าเส้นทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรค่ะ เพราะฉะนั้นยางรถเราต้องพร้อมทุกสถานการณ์ค่ะ


3. ตรวจสอบเครื่องยนต์และของเหลวต่างๆ

เครื่องยนต์เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้รถของเราขับเคลื่อนไปได้ และสิ่งที่จะช่วยให้เครื่องยนต์ขับเคลื่อนไปได้นั่นคือ ของเหลวต่างๆ ที่เครื่องยนต์ต้องใช้ นั่นคือต้องตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง น้ำหล่อเย็น น้ำมันเกียร์ น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ รวมถึงน้ำล้างกระจก ถ้าพบว่าขาดหรือใกล้หมด ควรเติมให้เต็มก่อนออกเดินทางค่ะ


4. ระบบไฟส่องสว่างและสัญญาณไฟ

ไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเบรก ไฟเลี้ยว และไฟฉุกเฉิน ต้องทำงานปกติ เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง โดยเฉพาะหากต้องขับขี่ตอนกลางคืน


5. แบตเตอรี่และสายไฟ

ตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่ว่าแน่นหนา ไม่มีคราบเกลือหรือรอยรั่ว ตรวจเช็คว่าระบบไฟทำงานครบทุกส่วนหรือไม่ เพื่อป้องกันปัญหาเครื่องยนต์ไม่ติดระหว่างทางค่ะ


6. ระบบแอร์และที่ปัดน้ำฝน

หากเดินทางในช่วงหน้าร้อนหรือหน้าฝน ระบบแอร์และที่ปัดน้ำฝนถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรู้สึกสบาย และช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ได้อีกด้วยค่ะ


รถรับจ้างอุดรธานี

สำหรับใครที่ต้องการขนย้ายของ จะในพื้นที่หรือไปที่ไกลๆ บริการ รถรับจ้างอุดรธานี พร้อมให้บริการ แน่นอนว่าไม่ได้มีแค่ความสะดวกสบาย แต่ยังมาพร้อมกับมาตรฐานการดูแลรถก่อนให้บริการทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยตลอดเส้นทางการขนย้าย เรามีบริการรถรับจ้างที่ช่วยขนย้ายทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น รถกระบะรับจ้าง รถหกล้อรับจ้าง รถสิบล้อรับจ้าง รถเทรลเลอร์รับจ้าง และรถเฮี๊ยบรับจ้าง ที่พร้อมให้บริการในทุกๆ การขนย้าย ย้ายบ้าน หอพัก ย้ายไซต์งาน บริการยกของหนัก เหล็ก ท่อ ขนส่งสินค้า ทั้งสินค้าทั่วไป สินค้าการเกษตร บริการรับจ้างขนย้ายทั่วไป พร้อมบริการขนย้ายทุกชนิด แน่นอนว่าก่อนขนย้ายทีมงานของเราจะทำการตรวจเช็กสภาพรถอย่างละเอียด เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าการขนย้ายหรือเดินทางครั้งนี้จะปลอดภัยตลอดเส้นทางและถึงที่หมายอย่างปลอดภัยแน่นอน

หากคุณกำลังมองหารถรับจ้างที่เชื่อถือได้ในพื้นที่อุดรธานี เลือกใช้บริการ รถรับจ้างอุดรธานี กับทีมงานมืออาชีพ ที่พร้อมดูแลการขนย้ายของคุณอย่างใกล้ชิด พร้อมให้บริการด้วยความจริงใจในทุกเส้นทางค่ะ


เคล็ดลับสำหรับลูกค้าก่อนใช้บริการรถรับจ้าง

    วางแผนเส้นทางล่วงหน้า : ตรวจสอบเส้นทาง จุดพัก จุดเติมน้ำมัน และทางเลือกหากเกิดเหตุฉุกเฉิน
    แจ้งน้ำหนักและปริมาณของที่ขนอย่างชัดเจน : เพื่อให้ผู้ให้บริการจัดรถที่เหมาะสมกับการบรรทุก
    สอบถามเกี่ยวกับการดูแลรถก่อนออกเดินทาง : เป็นสิ่งเล็กๆ ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าได้มาก
    ตรวจสอบรีวิวหรือฟีดแบกจากลูกค้าเก่า : เพื่อมั่นใจในคุณภาพบริการ

การเดินทางไกลไม่ว่าจะเพื่อขนย้ายของหรือเหตุผลใดก็ตาม สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ “ความพร้อมของรถ” การเลือกใช้ รถรับจ้างอุดรธานี ที่มีการตรวจเช็ครถทุกครั้งก่อนให้บริการ เป็นทางเลือกที่ทั้งสะดวก ปลอดภัย และคุ้มค่า สำหรับคุณค่ะ

9
ซ่อมบำรุงอาคาร: ความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับแอร์ ที่ยิ่งทำ ค่าไฟยิ่งพุ่ง
 
เมื่อถึงช่วงหน้าร้อน หลายบ้านคงมีค่าไฟที่พุ่งกระฉูด เพราะอากาศในบ้านเราที่ร้อนระอุก็ต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกเข้ามาช่วย นั่นก็คือ เครื่องปรับอากาศ หรือที่เราเรียกกันว่า แอร์ ซึ่งจริง ๆ แล้วที่ค่าไฟแพง อาจไม่ได้เป็นเพราะเปิดแอร์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะการใช้แอร์แบบผิดๆ หรือมีความเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับการใช้แอร์

ที่ทำให้เปลืองไฟและจะทำให้แอร์พังได้ง่าย ซึ่งต้องบอกว่า แอร์ที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้นั้น มีอายุการใช้งานที่ยาวนานมาก บางบ้านอาจจะใช้งานแอร์มาเป็น 10 ปีโดยที่ไม่มีการเสียหาย หรือบางบ้านที่เพิ่งติดตั้งแอร์ไป แต่ใช้ไปไม่ทันไร แอร์ก็ไม่เย็นซะแล้ว ซึ่งต้องบอกว่า แอร์เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องได้รับการบำรุงรักษาตลอดการใช้งาน
ซึ่งเราต้องยอมรับในค่าใช้จ่ายส่วนนี้ เพราะถ้าหากไม่รักษาความสะอาดของแอร์ แน่นอนว่า แอร์จะมีปัญหาอย่างแน่นอน และอาจจะทำให้สุขภาพของคนในบ้านเสียได้อีกด้วย เนื่องจากได้รับอากาศที่ไม่บริสุทธิ์ ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึง การใช้แอร์แบบไหนที่ทำให้เปลืองพลังงานและต้องจ่ายค่าไฟแพงกว่าเดิม

แล้วจะประหยัดค่าไฟช่วงหน้าร้อนได้อย่างไรบ้าง ถ้าจำเป็นต้องเปิดเครื่องปรับอากาศทุกวันแบบนี้ เพราะถ้ายังมีความเชื่อผิดๆแบบนี้ แน่นอนว่า เราจะต้องเสียค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
 
เชื่อว่า หลายคนยังมีความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับการใช้งานแอร์อยู่ บางคนคิดว่า แอร์เก่าที่ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ แม้จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าระบบภายในของแอร์นั้น มีความเสื่อมสภาพไปตามการใช้งาน ยิ่งแอร์ที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 15 ปีขึ้นไป
ยิ่งจะต้องมีการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในเรื่องของการซ่อมบำรุง อีกทั้งแอร์ประเภทนี้ยังเปลืองไฟมากกว่าปกติอีกด้วย ดังนั้นเมื่อคำนวณถึงความประหยัดแล้ว การเปลี่ยนแอร์ใหม่ย่อมสามารถช่วยประหยัดในระยะยาวได้มากกว่า

นอกจากนี้ หลายคนยังเข้าใจเรื่องของค่า BTU แบบผิดๆ เพราะคิดว่ ายิ่งมีค่าสูงจะยิ่งทำให้บ้านเย็น แต่นั่นเป็นเพียงความเข้าใจผิด เพราะค่า BTU ที่สูงหรือต่ำจนเกินไปจะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักและกินไฟมากขึ้น จึงควรเลือกให้มีความเหมาะสมกับขนาดห้องที่ใช้งาน เพราะไม่อย่างนั้นจะทำให้ค่าไฟพุ่งกระฉูดเลยทีเดียว
ต่อมาในเรื่องของการเลือกตำแหน่งในการติดตั้งแอร์ให้เหมาะสม ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดการทำงานของแอร์ได้ จะช่วยประหยัดค่าไฟได้ไม่มากก็น้อย โดยตำแหน่งที่เหมาะสมสำคัญติดตั้งเครื่องปรับอากาศคือ บริเวณที่โล่ง ไม่เป็นมุมอับ หรือบริเวณที่ไม่ถูกแสงแดดจัดโดยตรง รวมทั้งไม่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศใกล้กับประตูหรือหน้าต่าง รวมไปถึงความเข้าใจผิดที่ว่า 

การเปิดทั้งเครื่องปรับอากาศและพัดลมไปด้วยกัน จะยิ่งทำให้เปลืองไฟ แต่นั่นเป็นความคิดที่ผิด เพราะการเปิดพัดลมจะช่วยทำให้ความเย็นกระจายไปทั่วถึงทั้งห้อง ช่วยลดอุณหภูมิห้องลง 1-2 องศา และที่สำคัญช่วยลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศได้อีกด้วย แนะนำให้เปิดแอร์ 26 องศา แต่หากต้องการความรู้สึกเย็นสบายเท่ากับ 24 องศา ให้เปิดพัดลมช่วย

โดยไม่ต้องลดอุณหภูมิของแอร์ การเปิดแอร์พร้อมพัดลม ประหยัดไฟได้มากกว่าการลดอุณหภูมิของแอร์ เพราะพัดลมช่วยเพิ่มความเร็วลม เพิ่มการเคลื่อนที่ของอากาศ ทำให้เกิดการระบายความร้อนจากร่างกาย ทำให้รู้สึกเย็นสบายขึ้น โดยที่อุณหภูมิห้องยังคงเท่าเดิม อย่างไกร็ตาม เชื่อว่า หลายบ้านมักจะเปิดแอร์อยู่ที่อุณหภูมิ 25 องศา
ช่วยประหยัดไฟ แม้ว่าการเปิดเครื่องปรับอากาศที่อุณหภูมิ 25 องศาเป็นวิธีที่ดีและถูกต้องในการช่วยประหยัดไฟฟ้า แต่การดูแลตัวเครื่องซ่อมแซมและทำความสะอาด อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศประหยัดไฟไปได้ในตัว ทั้งหมดนี้คือความเข้าใจที่ผิดๆ ในการใช้แอร์ ดังนั้น ควรเปลี่ยนความเข้าใจใหม่ เพื่อให้เราสามารถใช้งานแอร์ได้อย่างถูกต้องและช่วยให้ประหยัดค่าไฟได้เป็นเท่าตัวเลยทีเดียว
 
อย่างไรก็ตามทางเราก็มีบริการซ่อมบำรุง มีบริการการดูแลภายในอาคารและพื้นที่โดยรอบจำเป็นต้องตรวจตราและหมั่นดูแล อย่างสม่ำเสมอตลอดการบริการ การที่องค์กรใช้บริษัทที่หลากหลายเข้า มาดูแลบริการด้านต่าง ๆ นั้น อาจทำให้องค์กรสิ้นเปลืองงบประมาณเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะในเรื่องของการดูแลระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศภายในอาคาร ระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศเป็นสิ่งจำเป็นมาก เพราะผู้คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักจะ ใช้ชีวิตในภายในอาคาร และถ้าภายในอาคารนั้นมีผู้ป่วยอยู่ด้วยก็ยิ่งเป็นการสะสมของฝุ่นจนทำให้เกิดเป็นเชื้อรา และส่งผลต่อสุขภาพและเกิดโรคต่างๆได้

 

10
หมอออนไลน์: โบทูลิซึม (Botulism)

โบทูลิซึม เป็นโรคที่เกิดจากพิษของแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ทำลายระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือเป็นอัมพาต จัดว่าเป็นโรคที่มีอันตรายร้ายแรง พบได้ในคนทุกวัย บางครั้งพบการเจ็บป่วยพร้อมกันหลายคนจากการบริโภคอาหารที่ปนเปื้อนพิษ (อาหารเป็นพิษ)

ในบ้านเราเคยมีรายงานผู้ป่วยโรคนี้จากการกินหน่อไม้ปี๊บที่เป็นพิษเป็นครั้งคราว เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2549 มีรายงานการป่วยเป็นโรคนี้พร้อมกันกลุ่มใหญ่สุดเป็นประวัติการณ์ของโลกจำนวน 209 ราย จากการกินหน่อไม้ปี๊บ ในงานฉลองพระธาตุเมล็ดข้าว ที่อำเภอบ้านหลวง จังหวัดน่าน ในจำนวนนี้มีประมาณ 40 รายที่มีอาการหนักจนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

สาเหตุ

เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรีย ที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium botulinum) ซึ่งอยู่ในตระกูลเดียวกับเชื้อบาดทะยัก เชื้อโรคมีลักษณะเป็นสปอร์ (spore) พบอยู่ตามดินทราย ตะกอนในน้ำ ฝุ่นละออง สามารถปลิวกระจายไปตามอากาศ มีความทนทานอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานหลายปี สปอร์เมื่อตกอยู่ในที่ที่มีความชื้นมีสารอาหารและขาดออกซิเจน เช่น ในลำไส้ บาดแผลลึกและแคบ อาหารที่บรรจุในภาชนะที่ปิดมิดชิด (เช่น กระป๋อง ปี๊บ ขวดนม ถุงพลาสติกสุญญากาศ) ก็จะเกิดการงอกเจริญเติบโต และปล่อยสารพิษที่มีชื่อว่า โบทูลิน (botulin) ออกมา

โบทูลิน* เป็นพิษต่อประสาท (neurotoxin) ออกฤทธิ์โดยไปจับกับปลายประสาท (presynaptic nerve terminal) ตรงบริเวณรอยเชื่อมต่อกับเส้นใยกล้ามเนื้อ (postsynaptic muscle membrane) เกิดผลในการยับยั้งไม่ให้ปลายประสาทหลั่งอะเซทิลโคลีน (acetylcholine) ซึ่งเป็นตัวนำสัญญาณประสาทไปสั่งให้กล้ามเนื้อทำงาน (หดตัว) พิษโบทูลินัมจึงทำให้กล้ามเนื้อทั่วร่างกายไม่หดตัว เกิดอาการอ่อนแรงเป็นอัมพาต นอกจากนี้ยังไปยับยั้งการส่งทอดสัญญาณประสาทของระบบประสาทอัตโนมัติพาราซิมพาเทติกที่อาศัยอะเซทิลโคลีนเป็นตัวนำสัญญาณประสาท ทำให้อวัยวะภายในทำงานผิดปกติ (เช่น รูม่านตาขยาย น้ำลายออกน้อย ท้องผูก ถ่ายปัสสาวะไม่ออก เป็นต้น) ปลายประสาทจะถูกพิษทำลายอย่างถาวร ต้องรอให้ปลายประสาทงอกขึ้นมาใหม่ ระบบประสาทและกล้ามเนื้อจึงจะฟื้นคืนหน้าที่ได้ ซึ่งอาจต้องใช้เวลานาน 2-4 เดือน

โดยทั่วไป ผู้ป่วยอาจรับพิษของเชื้อชนิดนี้ได้ 3 ลักษณะ คือ

1. โบทูลิซึมจากอาหารเป็นพิษ (food-borne botulism) มักเกิดจากการกินพืชผักหรือเนื้อสัตว์ที่บรรจุอยู่ในภาชนะมิดชิดและมีความเป็นกรดไม่มาก เช่น หน่อไม้ เห็ด ถั่ว ข้าวโพด แตง ปลา อาหารทะเล สัตว์ป่า (เช่น เนื้อเก้ง) เป็ด ไก่ นม ที่บรรจุกระป๋อง ปี๊บ หรือขวดแก้ว ที่ผลิตแบบอุตสาหกรรมในครัวเรือนซึ่งขาดกรรมวิธีที่ถูกต้อง หรือในถุงพลาสติกที่ปิดมิดชิด ทำให้สปอร์ของเชื้อชนิดนี้ปนเปื้อนในอาหาร สามารถงอกเจริญเติบโตและปล่อยพิษเจือปนอยู่ในอาหาร เช่น หน่อไม้ปี๊บที่นิยมบริโภคในบ้านเรานั้น จะทำการต้มหน่อไม้นานเพียง 1 ชั่วโมง ซึ่งไม่สามารถฆ่าสปอร์ที่ปนเปื้อนได้ แล้วอัดใส่ปี๊บ ตั้งไว้ในอุณหภูมิห้อง รอจำหน่ายหมดภายใน 3-6 เดือน สปอร์ก็สามารถงอกเจริญเติบโตและปล่อยพิษออกมา (ส่วนหน่อไม้ดองที่มีรสเปรี้ยว มีการใส่น้ำมะนาวหรือน้ำส้มในการดอง ทำให้มีความเป็นกรดหรือ pH ต่ำกว่า 4.6 สปอร์ไม่สามารถเจริญเติบโต)

2. โบทูลิซึมจากการติดเชื้อทางบาดแผล (wound botulism) มักจะเป็นแผลลึกและแคบที่ขาดออกซิเจน รวมทั้งการฉีดยาเสพติดด้วยเข็มที่ไม่สะอาด สปอร์ในดินทรายที่ปนเปื้อนบาดแผลจะเข้าไปแบ่งตัวในบาดแผลแล้วปล่อยพิษเข้าสู่กระแสเลือด ไปทำลายระบบประสาททั่วร่างกาย การติดเชื้อลักษณะนี้พบได้น้อย

3. โบทูลิซึมในทารก (infant botulism) เกิดจากการกินอาหารที่ปนเปื้อนสปอร์ ซึ่งจะพบในทารกอายุต่ำกว่า 1 ปี เนื่องจากในลำไส้ของทารกยังไม่มีจุลินทรีย์ที่สามารถป้องกันการแบ่งตัวของสปอร์เช่นเด็กโตและผู้ใหญ่ สปอร์จึงเกิดการแบ่งตัวอยู่ในลำไส้ แล้วปล่อยพิษเข้ากระแสเลือดไปทั่วร่างกาย ในสหรัฐอเมริกาจะพบภาวะนี้ในทารกอายุต่ำกว่า 6 เดือน มักเกิดจากการกินน้ำผึ้งที่มีสปอร์ปนเปื้อน บางครั้งอาจไม่ทราบสาเหตุชัดเจน สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากการกินอาหารที่ปนเปื้อนสปอร์ที่ปลิวมากับฝุ่นละออง

กลไกการออกฤทธิ์ของพิษโบทูลิซึม

* โบทูลินจัดว่าเป็นพิษร้ายแรงที่สุดในบรรดาพิษที่เกิดจากแบคทีเรีย จึงมีการนำมาผลิตเป็นอาวุธชีวภาพ
ปัจจุบัน มีการนำโบทูลินไปทำให้เจือจาง ผลิตเป็นยา (เช่น ยาที่มีชื่อว่า Botox) รักษาโรคต่าง ๆ เช่น ใบหน้ากระตุกครึ่งซีก (hemifacial spasm) ตากระพริบค้าง (blepharospasm) หนังตาบนถูกดึงรั้ง (eyelid retraction) ภาวะตาแห้ง ตาเข ไมเกรน อาการแขนขาเกร็ง กระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวกว่าปกติหรือน้อยกว่าปกติ ต่อมลูกหมากโต อาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง เสริมสวย (แก้รอยย่นบนใบหน้า) เป็นต้น

อาการ

โบทูลิซึมจากอาหารเป็นพิษ มักจะมีอาการเกิดขึ้นหลังกินอาหาร 8-36 ชั่วโมง (แต่อาจพบเร็วสุด 4 ชั่วโมง และนานสุด 14 วัน) หากรับปริมาณพิษเข้าไปมาก อาการก็จะเกิดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าอาการเกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมงหลังกินอาหาร อาการมักจะรุนแรง มักเป็นพร้อมกันหลายคน

แรกเริ่มมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง บางรายอาจมีอาการท้องเดินร่วมด้วย หลังจากนั้นจะมีอาการอิดโรย อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ มึนงง กระหายน้ำ ปากแห้ง คอแห้ง เจ็บคอ น้ำลายเหนียว หนังตาตก (ลืมตาไม่ขึ้น) ทั้ง 2 ข้าง ตาพร่ามัว มองเห็นภาพซ้อน กลืนลำบาก พูดอ้อแอ้หรือเสียงค่อยมาก ท้องผูก ปัสสาวะไม่ออก

ในรายที่เป็นรุนแรง จะมีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อทั่วร่างกายตามมา โดยเริ่มจากบริเวณลำตัวกระจายไปสู่แขนขา กล่าวคือ จะมีอาการอัมพาตของกล้ามเนื้อหน้าอก กะบังลม และหน้าท้อง ทำให้หายใจลำบาก ก่อนที่จะมีอาการอัมพาตของแขนขาทั้ง 2 ข้าง หากไม่ได้รับการรักษามักเสียชีวิตภายใน 3-7 วัน

ส่วนโบทูลิซึมจากการติดเชื้อทางบาดแผล มักมีอาการหลังมีบาดแผลประมาณ 4-14 วัน (เฉลี่ย 10 วัน) ผู้ป่วยจะมีประวัติฉีดยาเสพติด หรือมีบาดแผลตามผิวหนัง แล้วมีอาการแบบเดียวกับโบทูลิซึมจากอาหารเป็นพิษดังกล่าวข้างต้น ยกเว้นไม่มีอาการทางระบบทางเดินอาหาร (คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเดิน)

สำหรับโบทูลิซึมในทารก มักจะมีอาการหลังกินอาหารที่มีสปอร์ประมาณ 3-30 วัน อาการแรกเริ่มที่พบก็คือ อาการท้องผูก ต่อมาจะมีอาการง่วงซึม เฉยเมย ไม่ดูดนม ไม่กินอาหาร หนังตาตก กลืนลำบาก ร้องไม่มีเสียง คอพับคออ่อน เนื้อตัวอ่อนปวกเปียก หายใจลำบาก


ภาวะแทรกซ้อน

ที่ร้ายแรง คือ ภาวะการหายใจล้มเหลว ซึ่งเป็นสาเหตุของการตายของผู้ป่วย

อาจมีโรคปอดอักเสบ (ปอดบวม) แทรกซ้อน เนื่องจากการสำลัก

บางรายอาจมีอาการอ่อนเพลีย อิดโรย ปากแห้ง ตาแห้ง เหนื่อยง่ายเวลาออกแรง นานเป็นแรมปี


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

มักตรวจพบอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ เช่น หนังตาตก พูดอ้อแอ้หรือเสียงค่อยมาก กลืนลำบาก หายใจลำบาก แขนขาเป็นอัมพาต (ในทารกจะพบอาการคอพับคออ่อน เนื้อตัวอ่อนปวกเปียก หายใจลำบาก)

ทั้งทารกและผู้ใหญ่ จะพบรูม่านตาขยาย และไม่มีปฏิกิริยาต่อแสง รีเฟล็กซ์ของข้อลดลงหรือไม่มี

ผู้ป่วยจะรู้สึกตัวดี และไม่มีอาการชาของแขนขา (เนื่องเพราะพิษโบทูลินไม่มีผลต่อสมองและประสาทรับความรู้สึก)

ผู้ป่วยมักไม่มีไข้ (ยกเว้นในรายที่มีการติดเชื้อแทรกซ้อนในช่วงหลัง)

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการถ่ายภาพสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เจาะหลังเพื่อตรวจน้ำไขสันหลัง ตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ (EMG) ตรวจพิษโบทูลินในเลือดหรืออุจจาระ ตรวจเพาะเชื้อจากอุจจาระหรือเศษอาหารในกระเพาะอาหาร รวมทั้งการนำอาหารที่สงสัยว่าเป็นต้นเหตุไปตรวจหาพิษ เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะรับตัวผู้ป่วยไว้ในโรงพยาบาล ถ้าเกิดจากอาหารเป็นพิษจำเป็นต้องทำการขับเอาอาหารที่ตกค้างอยู่ในกระเพาะลำไส้ออกให้มากที่สุด โดยการทำให้อาเจียน ล้างท้อง หรือสวนทวาร ให้กินผง ถ่านกัมมันต์ (activated charcoal) เพื่อลดการดูดซึมพิษ

ถ้าติดทางบาดแผล จำเป็นต้องตัดเลาะเนื้อเยื่อที่ติดเชื้อออกไป

นอกจากนี้ ให้การดูแลรักษาแบบประคับประคอง เช่น ให้สารน้ำและสารอาหารทางหลอดเลือดดำ คาสายสวนปัสสาวะ ในรายที่หายใจไม่ได้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจจนกว่าจะหายใจได้เอง ทำกายภาพบำบัดฟื้นฟูกล้ามเนื้อที่อ่อนแรง ป้องกันการติดเชื้อแทรกซ้อน เป็นต้น

บางกรณี แพทย์จะฉีดเซรุ่มต้านพิษ (botulinum antitoxin) ซึ่งควรฉีดภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีอาการ จึงจะได้ผลดีในการทำลายพิษที่หลงเหลืออยู่ในเลือด เพื่อป้องกันไม่ให้อาการลุกลามหนักขึ้น (ส่วนทารกที่เป็นโรคนี้จากการกินสปอร์ที่ปนเปื้อนอยู่ในอาหาร จะใช้เซรุ่มต้านพิษไม่ได้ผล เพราะไม่สามารถทำลายสปอร์)

ผลการรักษาขึ้นกับความรุนแรงของโรคและความรวดเร็วของการได้รับการดูแลรักษา

หากได้รับการดูแลรักษารวดเร็วและถูกต้อง ส่วนใหญ่มักจะหายขาดได้ โดยใช้เวลานานหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนกว่ากล้ามเนื้อจะทำงานได้เป็นปกติ

ในรายที่เป็นรุนแรง (มีภาวะหายใจลำบากหรือหยุดหายใจ) หากไม่ได้รับการรักษาได้ทันท่วงที ก็อาจเสียชีวิตภายใน 3-7 วัน หลังมีอาการ

โดยเฉลี่ย โรคนี้มีอัตราตายประมาณร้อยละ 5-10


การดูแลตนเอง

หากมีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อเกิดขึ้นเฉียบพลัน เช่น หนังตาตก พูดอ้อแอ้หรือเสียงค่อยมาก กลืนลำบาก หายใจลำบาก แขนขาเป็นอัมพาต (ในทารกจะพบอาการคอพับคออ่อน เนื้อตัวอ่อนปวกเปียก หายใจลำบาก) ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อพบว่าเป็นโบทูลิซึม ควรดูแลรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ) ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด


การป้องกัน

1. เลือกกินอาหารกระป๋องที่ผ่านกรรมวิธีฆ่าเชื้อที่ถูกต้อง (ฆ่าเชื้อสปอร์ภายใต้หม้ออัดแรงดัน อุณหภูมิ 120 องศาเซลเซียส นาน 30 นาที)* หลีกเลี่ยงอาหารกระป๋องที่บู้บี้ บวมป่อง หมดอายุ หรืออาหารที่บูดเน่า (มีกลิ่นเหม็นหรือเปลี่ยนสี)

2. หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่บรรจุในภาชนะมิดชิดที่ผลิตแบบอุตสาหกรรมในครัวเรือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่อไม้ปี๊บ เนื้อสัตว์ (เช่น สัตว์ป่า)

หากไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ ควรนำไปต้มในน้ำเดือดหรือทำให้เดือดนานประมาณ 30 นาที แม้พิษโบทูลินจะถูกทำลายเมื่ออยู่ในอุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส นาน 10 นาที แต่ในแง่ปฏิบัติแนะนำให้ต้มให้เดือดนาน 30 นาที เผื่อเวลาที่ความร้อนต้องส่งผ่านจากภายนอกเข้าสู่ภายในของชิ้นอาหาร**

3. อาหารที่เหลือเก็บไว้กินมื้อต่อไป ควรนำไปเก็บในตู้เย็น ไม่ควรทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง และก่อนกินครั้งใหม่ควรปรุงให้ร้อน

4. เมื่อมีบาดแผลสกปรก ปนเปื้อนดินทราย ควรทำการชะล้างบาดแผลให้สะอาด และควรปรึกษาแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ในการป้องกันการติดเชื้อ

5. หลีกเลี่ยงการฉีดยาด้วยเข็มที่ไม่ได้ผ่านกรรมวิธีทำให้ปลอดเชื้อ

6. หลีกเลี่ยงการป้อนน้ำผึ้งแก่ทารกอายุต่ำกว่า 1 ปี

* สปอร์ มีความทนต่อความร้อนสูง การต้มให้เดือด (100 องศาเซลเซียส) ไม่สามารถทำลายมันได้ ในขณะที่พิษโบทูลินสามารถถูกทำลายด้วยความร้อนที่น้อยกว่า
** ดร.วิสิฐ จะวะสิต. สารพิษโบทูลิน: มหันตภัยที่ซ่อนในหน่อไม้ปี๊บ. นิตยสารหมอชาวบ้าน 2549:28(พ.ค.):17-24.


ข้อแนะนำ

1. โรคนี้ในระยะแรกมักมีอาการแบบอาหารเป็นพิษ (คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเดิน) นำมาก่อนจะมีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า ดังนั้นเมื่อพบผู้ป่วยมีอาการอาหารเป็นพิษ อย่าลืมถามประวัติอาหารที่ผู้ป่วยกิน (เช่น หน่อไม้ปี๊บ อาหารกระป๋อง เนื้อสัตว์ป่าที่บรรจุในภาชนะมิดชิด) หากสงสัยควรเฝ้าสังเกตดูอาการอย่างใกล้ชิด (อาการปากแห้ง คอแห้ง หนังตาตก พูดเสียงค่อย กลืนลำบาก) และส่งต่อผู้ป่วยไปโรงพยาบาลด่วน

2. ผู้ป่วยที่มีอาการหนังตาตก (ตาปรือ ลืมตาไม่ขึ้น) อาจมีสาเหตุได้หลายอย่าง เช่น พิษงูเห่า โบทูลิซึม ไมแอสทีเนียเกรวิส เป็นต้น (ตรวจอาการอัมพาต/หนังตาตก ประกอบ) แต่ถ้าพบอาการหนังตาตกทั้ง 2 ข้าง หรือเกิดขึ้นฉับพลันพร้อมกันหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีอาการแบบอาหารเป็นพิษนำมาก่อน ควรคิดถึงโบทูลิซึม

3. ในกรณีที่สงสัยผู้ป่วยเป็นโรคนี้ ควรนำอาหารที่สงสัยว่าเป็นต้นเหตุไปตรวจพิสูจน์ที่โรงพยาบาลด้วย

4. ผู้ป่วยที่รับพิษรุนแรง มักมีอาการหายใจไม่ได้เนื่องจากกล้ามเนื้อหายใจเป็นอัมพาต ต้องคอยเฝ้าดูอาการนี้ และให้การช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ซึ่งมักจะต้องใช้เครื่องช่วยหายใจจนกว่าจะปลอดภัย

* ต่างกันที่การเรียงลำดับ โบทูลิซึมจะเป็นจากบนลงล่าง (descending paralysis) คือเริ่มที่หน้าก่อน ค่อยลงมาที่หน้าอก หน้าท้อง (หยุดหายใจ) แล้วไปสิ้นสุดที่แขนขา ส่วนพิษปลาปักเป้าจะเป็นจากส่วนปลายเข้าหาส่วนกลาง (ascending paralysis) คือ เริ่มจากแขนขาก่อน แล้วไปที่หน้าและไปสิ้นสุดที่หน้าอก หน้าท้อง (หยุดหายใจ) นอกจากนี้โบทูลิซึมไม่มีอาการชา ส่วนพิษปลาปักเป้ามีอาการชาที่ปาก ลิ้น หน้า แขน ขา

11
การเลือกของตกแต่งบ้าน ทาวน์โฮม หน้าแคบที่เน้นความเรียบง่าย

การเลือกของตกแต่งบ้านสำหรับ ทาวน์โฮมหน้าแคบ ที่เน้นความ เรียบง่าย ถือเป็นความท้าทายที่น่าสนุกค่ะ เพราะต้องใช้พื้นที่ทุกตารางนิ้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยไม่ทำให้รู้สึกอึดอัดหรือรกตา หัวใจสำคัญคือการสร้างสรรค์พื้นที่ที่ดูโปร่ง โล่ง และใช้งานได้จริง ลองมาดูเคล็ดลับและไอเดียกันค่ะ

หลักการสำคัญของการแต่งทาวน์โฮมหน้าแคบให้เรียบง่าย

เน้นความโปร่ง โล่ง: ทำให้ห้องดูกว้างขึ้นด้วยการใช้สีอ่อน แสงธรรมชาติ และการลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็น

ฟังก์ชันต้องมาก่อน: เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งทุกชิ้นควรมีประโยชน์ใช้สอยที่ชัดเจน หรือมีฟังก์ชันหลากหลาย

เส้นสายเรียบง่าย: เลือกของที่มีดีไซน์ไม่ซับซ้อน ไม่มีลวดลายเยอะ เพื่อไม่ให้ห้องดูยุ่งเหยิง

ใช้พื้นที่แนวตั้งให้เกิดประโยชน์: เมื่อพื้นที่แนวนอนมีจำกัด การใช้ผนังและพื้นที่สูงจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ไอเดียของตกแต่งและเทคนิคการจัดวางสำหรับทาวน์โฮมหน้าแคบ

1. โทนสีและแสงสว่าง: สร้างความรู้สึกกว้างขวาง

สีหลัก: ใช้ สีขาว หรือ สีโทนอ่อนมาก ๆ (เช่น ครีม เทาอ่อน) สำหรับผนัง เพดาน และเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ จะช่วยให้ห้องดูกว้างขวางและสว่างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

แสงธรรมชาติ: พยายามให้แสงธรรมชาติเข้ามาในบ้านให้มากที่สุด อาจใช้ ผ้าม่านโปร่งแสงสีขาวหรือสีอ่อน เพื่อกรองแสงและยังคงความเป็นส่วนตัว

แสงประดิษฐ์: เลือก โคมไฟดีไซน์เรียบง่าย ที่ให้แสงสี Warm White เพื่อสร้างบรรยากาศอบอุ่น อาจเป็นโคมไฟติดผนังเพื่อประหยัดพื้นที่ หรือโคมไฟตั้งพื้นทรงสูงเพรียว

2. เฟอร์นิเจอร์: เลือกชิ้นที่ "ทำงานได้หลายอย่าง"

ขนาดเหมาะสม: เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ มีขนาดพอดี กับพื้นที่ ไม่ใหญ่เทอะทะจนกินทางเดิน

ฟังก์ชันครบครัน:

โซฟาเบด (Sofa Bed): เป็นได้ทั้งโซฟานั่งเล่นและเตียงเสริม

สตูล/ออตโตมันพร้อมช่องเก็บของ (Storage Ottoman/Stool): เป็นที่นั่งเสริม ที่พักเท้า และกล่องเก็บของในตัว

โต๊ะกลาง/โต๊ะข้างพร้อมฟังก์ชันจัดเก็บ: มีลิ้นชักหรือช่องเก็บของด้านล่าง

โต๊ะพับได้/โต๊ะขยายได้: เหมาะสำหรับพื้นที่ทานอาหารหรือพื้นที่ทำงานที่ต้องการความยืดหยุ่น

ดีไซน์เรียบง่าย: เน้นเส้นสายที่สะอาดตา วัสดุ ไม้สีอ่อน โลหะสีดำ/ขาว หรือผ้าสีพื้น

3. การจัดเก็บ: ซ่อนความรกอย่างแนบเนียน

ชั้นวางของติดผนัง (Floating Shelves): เป็นทางเลือกที่ดีเยี่ยมในการเพิ่มพื้นที่เก็บของโดยไม่เปลืองพื้นที่พื้น วางหนังสือ ของตกแต่ง หรือต้นไม้เล็กๆ

ตู้เก็บของบิลท์อิน (Built-in Cabinets): หากมีงบประมาณ การบิลท์อินตู้เก็บของตลอดแนวผนังจะช่วยให้บ้านดูเนี้ยบและมีพื้นที่เก็บของมหาศาล

ตะกร้าเก็บของดีไซน์สวย: ใช้สำหรับเก็บของที่หยิบใช้บ่อยๆ เช่น ผ้าห่ม หมอนอิง นิตยสาร โดยเลือกตะกร้าสานจากวัสดุธรรมชาติ หรือโลหะ

4. ของตกแต่ง: เน้นคุณภาพและตำแหน่ง

กระจกเงา: แขวนกระจกเงาบานใหญ่บนผนัง จะช่วยสะท้อนแสงและทำให้ห้องดูกว้างขึ้นเป็นเท่าตัว

แจกันและต้นไม้: เลือก แจกันทรงเรียบง่าย (เช่น ทรงกระบอก หรือทรงเรขาคณิต) สีขาว เทา หรือเบจ ใส่ ต้นไม้ฟอร์มสวย (เช่น ลิ้นมังกร, ยางอินเดีย) หรือกิ่งไม้สวยๆ เพียงไม่กี่ก้าน เพื่อเพิ่มความสดชื่น

งานศิลปะ/ภาพถ่าย: เลือก งานศิลปะ Abstract หรือ ภาพถ่ายขาวดำ ที่เน้นเส้นสายเรียบง่าย หรือภาพวิวที่ดูสงบเงียบ แขวนบนผนังโล่งๆ เพียง 1-2 ชิ้น โดยเลือก กรอบบางๆ สีขาว ดำ หรือสีไม้

เทียนหอม/ก้านหอมปรับอากาศ: เลือกกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ช่วยผ่อนคลาย (เช่น ชาขาว, ลาเวนเดอร์) และเลือกภาชนะดีไซน์มินิมอล เพื่อสร้างบรรยากาศ

5. เส้นสายและมิติ: สร้างความน่าสนใจโดยไม่รก

เส้นสายแนวตั้ง: อาจใช้ แผ่นไม้ระแนงสีอ่อน หรือ วอลเปเปอร์ลายเส้นแนวตั้ง บริเวณผนังด้านใดด้านหนึ่ง เพื่อช่วยให้ห้องดูสูงโปร่งขึ้น

สร้างจุดเด่น: เลือกของตกแต่งชิ้นเดียวที่โดดเด่นในแต่ละโซน เช่น โคมไฟดีไซน์เก๋ๆ หรือเก้าอี้มีดีไซน์ เพื่อไม่ให้ห้องดูเรียบจนน่าเบื่อ

การตกแต่งทาวน์โฮมหน้าแคบให้เรียบง่ายและสวยงาม คือการเข้าใจข้อจำกัดของพื้นที่ และใช้ประโยชน์จากทุกองค์ประกอบให้คุ้มค่าที่สุดค่ะ หวังว่าไอเดียเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการสร้างสรรค์บ้านในฝันของคุณนะคะ!

12
โรคไต ไม่ได้เกิดจากการรับประทานอาหารรสเค็มอย่างเดียว

ถูกต้องอย่างยิ่ง! แม้ว่าการรับประทานอาหารรสเค็มจัด (โซเดียมสูง) เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่เร่งให้เกิดโรคไตได้ แต่โรคไตเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease) นั้นมี สาเหตุหลักมาจากโรคประจำตัวอื่น ๆ และปัจจัยเสี่ยงด้านพฤติกรรมอีกมากมายที่ส่งผลกระทบต่อไตโดยตรง

สาเหตุหลักของโรคไตที่ไม่ได้มาจากการ "กินเค็ม"

1. โรคเรื้อรังที่ทำลายไตโดยตรง (สาเหตุอันดับ 1 และ 2)

สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดและเป็นภัยเงียบทำลายไตในคนไทยคือการมีโรคเรื้อรังที่ควบคุมได้ไม่ดี:

โรคเบาหวาน: ถือเป็นสาเหตุหลักอันดับ 1 การมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงต่อเนื่อง จะไปทำลายหลอดเลือดฝอยเล็ก ๆ ในหน่วยกรองของไต ทำให้ไตเสื่อมสภาพลงเรื่อย ๆ

โรคความดันโลหิตสูง: ถือเป็นสาเหตุหลักอันดับ 2 ความดันโลหิตที่สูงตลอดเวลาจะสร้างความเสียหายต่อหลอดเลือดในไต ทำให้เลือดไปเลี้ยงไตลดลง และไตก็จะไม่สามารถทำหน้าที่กรองของเสียได้ตามปกติ


2. การใช้ยาและสารพิษต่อไต

การใช้ยาบางชนิดอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการควบคุมจากแพทย์ ถือเป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดไตวายได้ทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง:

ยาแก้ปวด/ยาต้านอักเสบกลุ่ม NSAIDs: เช่น ยาไอบูโพรเฟน (Ibuprofen), นาพรอกเซน (Naproxen) หากรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานานเกินไป อาจส่งผลเสียต่อไตได้

ยาชุด ยาหม้อ ยาสมุนไพรที่ไม่ทราบส่วนผสม: ยาเหล่านี้มักมีส่วนผสมของสเตียรอยด์ หรือสารพิษอื่น ๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อไตอย่างรุนแรง


3. โรคไตชนิดอื่น ๆ

โรคเหล่านี้เกิดขึ้นโดยตรงกับโครงสร้างของไต ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการบริโภคเค็ม:

โรคไตอักเสบ/โรคไตเรื้อรังจากภูมิคุ้มกัน: เช่น โรคลูปัส หรือโรค SLE (Systemic Lupus Erythematosus) และโรคไตอักเสบ IgA (IgA Nephropathy) ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย

โรคถุงน้ำในไต (Polycystic Kidney Disease - PKD): เป็นโรคทางพันธุกรรมที่ทำให้เกิดถุงน้ำจำนวนมากในไต ทำให้ไตโตและทำงานได้แย่ลง

โรคนิ่วในไต/ระบบทางเดินปัสสาวะ: หากมีนิ่วอุดตันทางเดินปัสสาวะนานวันเข้า จะทำให้เกิดภาวะไตบวมน้ำและนำไปสู่ไตอักเสบเรื้อรังได้


4. พฤติกรรมและปัจจัยอื่น ๆ

โรคอ้วนและภาวะน้ำหนักเกิน: ภาวะอ้วนทำให้ไตต้องทำงานหนักขึ้นในการกรองเลือด และยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเบาหวานและความดันโลหิตสูง

การบริโภคน้ำตาล/ความหวานจัด: การบริโภคน้ำตาลที่มากเกินไปก็เป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่โรคเบาหวาน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคไต

การสูบบุหรี่: ทำลายหลอดเลือดทั่วร่างกาย รวมถึงหลอดเลือดในไต ทำให้เลือดไปเลี้ยงไตได้น้อยลง

การดื่มน้ำน้อยเกินไป: ทำให้เลือดข้นและไตต้องทำงานหนักในการกรองของเสียในปัสสาวะที่มีความเข้มข้นสูง

ดังนั้น การป้องกันโรคไตจึงไม่ได้จำกัดอยู่แค่การลดเค็มเท่านั้น แต่ต้องเน้นไปที่ การควบคุมโรคประจำตัว โดยเฉพาะเบาหวานและความดันโลหิตสูงอย่างเข้มงวด และ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง ทั้งหมดที่กล่าวมาด้วย

13
ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ จากการไม่ดูแลความสะอาดในช่องปากระหว่างการจัดฟันเด็ก

การดูแลความสะอาดของช่องปากและฟันของเด็ก ถือว่าเป็นเรื่องที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรดูแลเอาใจใส่ให้มากเป็นพิเศษ เพราะเรื่องของปัญหาฟันของเด็ก ถือว่าเป้นเรื่องใหญ่มาก เพราะถ้าเด็กมีฟันผุตั้งแต่ยังเป็นฟันน้ำนม อาจจะทำให้เด็กมีปัญหาสุขภาพฟันตามมาในอนาคต พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะแนะนำหรือสอนเด็กให้รู้จักการแปรงฟันที่ถูกต้อง หรือถ้าหากเด็กมีปัญหาเกี่ยวกับรูปร่างฟัน ควรพาเด็กมาเข้ามาพบทันตแพทย์เพื่อปรึกษาและเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพื่อที่จะได้แก้ปัญหาเกี่ยวกับฟันตั้งแต่อายุยังน้อย

เพราะการเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถแก้ไขปัญหาฟันได้ตั้งแต่เด็กยังมีฟันผสม แถมยังช่วยแก้ไขในเรื่องของกล้ามเนื้อบนใบหน้าได้อีกด้วย แต่ในการเข้ารับการจัดฟัน เด็กจะต้องมีการทำความสะอาดช่องปากและฟันให้สะอาดมากเป็นพิเศษ คอต้องใส่ใจในเรื่องของการทำคววามสะอาดช่องปากและฟันมากกว่าคนทั่วไป เพราะเนื่องจากการจัดฟันในเด็กนั้น มีเครื่องมือการจัดฟันอยู่ภายในช่องปาก ซึ่งเป็นปัญหาของผู้เข้ารับการจัดฟันหลายคน ดังนั้น หากเราทำความสะอาดช่อปากและฟันไม่สะอาด อาจจะมีปัญหาตามมาภายหลังได้ สำหรับวันนี้เราจะมาพูดถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น จากการที่ไม่ดูแลความสะอาดช่องปากและฟันในระหว่างการเข้ารับการจัดฟัน ซึ่ง เป็นปัญหาที่หลายคนอาจจะมีความกังวลและพ่อแม่ผู้ปกครองอาจจะมีคำถาม ว่าถ้าหากเด็กแปรงฟันไม่สะอาด จะมีปัญหาใดตามมาและจะร้ายแรวกว่าผู้ที่ไม่เข้ารับการจัดฟันหรือไม่


หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า ถ้าหากเราทำความสะอาดช่องปากและฟันได้ไม่ดีเท่าที่ควรอาจจะเสี่ยงทำให้เกิดปัญหาฟันตามมาได้ เช่นเดียวกันกับผู้เข้ารับการจัดฟัน ไม่ว่าจะเป้ฯเด็กหรือผู้ใหญ่ หากไม่ทำความสะอาดช่องปากและฟันให้ดี ก็ทำให้เกิดปัญหาช่องปสกและฟันตามมาอย่างแน่นอน เนื่องจากเชื้อโรคที่หลงเหลืออยู่บนผิวฟัน ซึ่งที่เราเรียกว่าคราบจุลินทรีย์ที่เกิดจากการย่อยสลายอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล แล้วปล่อยกรดออกมากัดกร่อนฟันจนผุในที่สุด นอกจากนั้นแล้ว เชื้อโรคเหล่านี้ยังทำอันตรายต่อเหงือกและอวัยวะรอบ ๆ ฟัน จนเกิดเหงือกอักเสบ บวมเป็นหนอง ฟันโยก ฟันผุตามมาได้อีกด้วย

เพราะฉะนั้น ปัญหาที่เกิดจากการจัดฟัน อาจเกิดจากการไม่ดูแลความสะอาดในช่องปาก ไม่ดูแลเครื่องมือที่นำเข้าในช่องปาก ก็อาจจะทำให้เกิดกลิ่นปากอันไม่พึงประสงค์ได้ ทำให้เด็กเสียบุคลิกภาพ ทำให้โดนเพื่อล้อได้ ดังนั้น เด็กที่เข้ารับการจัดฟันใยนเด็กควรที่ทำความสะอาดช่องปากและฟันให้สะอาด เพราะยิ่งเราละเลย ปัญหาที่ตามมาอาจจะทำให้เกิดความรุนแรงได้ และปัญหาก็จะเกิดการร้ายแรงกว่าเด็กที่ไม่ได้รับการจัดฟัน พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะหมั่นสังเกตและคอยแนะนำวิธีการดูแลรักษาความสะอาดช่องปากและฟันอย่างถูกวิธีให้กับบุตรหลานเพื่อที่เด็กจะได้ทำความสะอาดฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันการเกิดฟันผุ ลดโอกาสการเกิดคราบหินปูนด้วย เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาฟันในเด็ก พ่อแม่ผู้ปกครองควรพาเด็กเข้ารับการตรวจสุขภาพช่องปากและฟันเบื้องต้น เพื่อประเมินฟันก่อนเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพ่อห้เด้กได้มีสุขภพช่องปากและฟันที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อย

หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิก เพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดฟันในเด็กและมีประสบการณ์ด้านการทันตกรรมในเด็กมาอย่างยาวนาน เพื่อที่จะได้ให้คำปรึกษาได้อย่างตรงจุด หากเด็กมีปัญหาสุขภาพช่องปากและฟัน ทางเราสามารถตรวจและแก้ไขรักษาได้ก่อนเข้ารับการจัดฟันในเด็กเพื่อที่จะได้ลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการจัดฟัน เพราะเราอยากให้ทุกคนมีรอยยิ้มที่สดใสสวยงาม มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่ ช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็กได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้

14
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


15
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)

สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


หน้า: [1] 2 3 ... 40