แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 24
1
วัดถ้ำขนมโคอยู่กลางป่าเขารายล้อมด้วยภูเขาหินปูนเหมาะใส่ชุดแม่ชี ฝึกปฏิบัติการหายใจอย่างมีสมาธิเพื่อเสริมสร้างสติสัมปชัญญะสงบจิตใจ

วัดถ้ำขนมโคเป็นวัดที่ตั้งอยู่ในจังหวัดกระบี่เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมที่เงียบสงบ รายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหาความสงบและพักผ่อนจากความวุ่นวายในชีวิตประจำวัน ใส่ชุดขาว ชุดขาวชาย ชุดขาวหญิง ชุดขาวปฏิบัติธรรม มาเที่ยววัดถ้ำขนมโคเป็นอัญมณีที่ซ่อนเร้นสำหรับผู้ที่แสวงหาความสงบและการฟื้นฟูจิตวิญญาณ วัดแห่งนี้มีฉากหลังเป็นต้นไม้เขียวขจีและถ้ำหินปูน

ค้นพบแก่นแท้ของวัดถ้ำขนอมโค
วัดถ้ำขนมโคหรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “วัดถ้ำขนมหวาน” ได้ชื่อมาจากลักษณะถ้ำที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวซึ่งชวนให้นึกถึงขนมไทยโบราณ ที่ตั้งของวัดแห่งนี้ให้บรรยากาศอันเงียบสงบ ทำให้เป็นสถานที่พักผ่อนที่ดีเยี่ยมสำหรับการทำสมาธิและเจริญสติ ผู้มาเยือนจะรู้สึกผ่อนคลายพร้อมกับเสียงนกร้องและเสียงใบไม้ไหวที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์การทำสมาธิ

การฝึกปฏิบัติธรรมที่วัด
วัดแห่งนี้มีโปรแกรมการทำสมาธิหลากหลายรูปแบบที่เหมาะสำหรับทั้งผู้เริ่มต้นและผู้ปฏิบัติธรรมที่มีประสบการณ์ ภายใต้คำแนะนำของพระภิกษุผู้ชำนาญ ผู้เยี่ยมชมสามารถเรียนรู้เทคนิคต่างๆ เช่น:

อานาปานสติ (การหายใจอย่างมีสติ) :การหายใจอย่างมีสมาธิ เพื่อเสริมสร้างสติสัมปชัญญะและสงบจิตใจ
การเดินสมาธิ:การเดินอย่างสงบในบริเวณวัดโดยผสมผสานการเคลื่อนไหวเข้ากับการมีสติ
การทำสมาธิเมตตา:การปลูกฝังความเมตตาและความปรารถนาดีต่อตนเองและผู้อื่น
แต่ละเซสชันได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มความสงบภายในและส่งเสริมการเชื่อมต่อกับช่วงเวลาปัจจุบัน

สำรวจความงามตามธรรมชาติของวัด
นอกจากการนั่งสมาธิแล้ว บริเวณรอบ ๆ วัดยังมีทัศนียภาพที่สวยงามตระการตา ถ้ำหินปูนสร้างบรรยากาศทางจิตวิญญาณ เหมาะสำหรับการไตร่ตรองอย่างเงียบสงบ ผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติสามารถเดินป่าแบบชิลล์ ๆ ผ่านป่าโดยรอบ หรือร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของวัด เช่น พิธีทำบุญ

เคล็ดลับปฏิบัติสำหรับผู้เยี่ยมชม
การแต่งกายให้เหมาะสม:สวมใส่เสื้อผ้าที่สุภาพ สบายๆ เหมาะกับการนั่งสมาธิและปฏิบัติธรรมในวัด
เคารพกฎของวัด:ปฏิบัติตามแนวทางของวัดเพื่อประสบการณ์อันกลมกลืน
สิ่งของจำเป็นที่นำมาด้วย:น้ำ เบาะรองนั่งขนาดเล็ก และสมุดบันทึกสำหรับบันทึกความคิดสามารถเพิ่มอรรถรสในการเยี่ยมชมของคุณได้

สถานที่ที่จะเชื่อมต่อกับตัวคุณเองอีกครั้ง
วัดถ้ำขนมโคไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้มาเยือนสามารถมาค้นหาความสงบและความสดชื่น ไม่ว่าคุณจะต้องการเรียนรู้เทคนิคการทำสมาธิ ดื่มด่ำกับธรรมชาติ หรือเพียงแค่ต้องการพักผ่อนจากความวุ่นวายในชีวิตประจำวัน วัดแห่งนี้ก็ถือเป็นจุดหมายปลายทางที่สมบูรณ์แบบ

วางแผนการเยี่ยมชมวัดถ้ำขนอมโคในจังหวัดกระบี่และปล่อยให้บรรยากาศอันเงียบสงบนำคุณสู่ความสงบภายในและการตื่นรู้ทางจิตวิญญาณ

2
เริ่มอาชีพเสริม ด้วยเป็นอินฟลูเอนเซอร์ ควรเริ่มยังไง

การเริ่มต้นอาชีพเสริมด้วยการเป็นอินฟลูเอนเซอร์นั้นต้องอาศัยการวางแผนและเตรียมตัวอย่างรอบคอบ เพื่อให้คุณสามารถสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์และดึงดูดผู้ติดตามได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต่อไปนี้คือขั้นตอนและสิ่งที่ควรพิจารณา:

1. กำหนดความเชี่ยวชาญและกลุ่มเป้าหมาย:

ค้นหาสิ่งที่คุณถนัด:
เริ่มต้นด้วยการสำรวจว่าคุณมีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านใดเป็นพิเศษ เช่น แฟชั่น อาหาร ท่องเที่ยว หรือเทคโนโลยี
เลือกหัวข้อที่คุณมีความหลงใหลและสามารถสร้างเนื้อหาได้อย่างต่อเนื่อง

กำหนดกลุ่มเป้าหมาย:
ระบุว่าใครคือกลุ่มเป้าหมายของคุณ เช่น อายุ เพศ ความสนใจ และพฤติกรรม
การกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณสร้างเนื้อหาที่ตรงใจและดึงดูดผู้ติดตามได้มากขึ้น


2. สร้างตัวตนบนโลกออนไลน์:

เลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสม:
เลือกแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่กลุ่มเป้าหมายของคุณใช้งานเป็นประจำ เช่น Instagram, TikTok, YouTube หรือ Facebook
สร้างบัญชีผู้ใช้ที่น่าสนใจ และมีภาพลักษณ์ที่สอดคล้องกับความเชี่ยวชาญของคุณ

สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ:
สร้างเนื้อหาที่น่าสนใจ มีประโยชน์ และมีความคิดสร้างสรรค์
ใช้ภาพและวิดีโอที่มีคุณภาพสูง เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ติดตาม
สร้างความสม่ำเสมอในการโพสต์เนื้อหา เพื่อรักษาความสนใจของผู้ติดตาม


3. สร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้ติดตาม:

ตอบคอมเมนต์และข้อความ:
ตอบคอมเมนต์และข้อความของผู้ติดตามอย่างรวดเร็วและเป็นกันเอง
สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ติดตาม เพื่อสร้างความภักดี

เข้าร่วมการสนทนา:
เข้าร่วมการสนทนาในกลุ่มหรือชุมชนออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับความเชี่ยวชาญของคุณ
แสดงความคิดเห็นและแบ่งปันความรู้ เพื่อสร้างการรับรู้และความน่าเชื่อถือ


4. สร้างรายได้:

โฆษณาและสปอนเซอร์:
เมื่อมีผู้ติดตามจำนวนมาก คุณสามารถรับโฆษณาหรือสปอนเซอร์จากแบรนด์ต่างๆ
เลือกแบรนด์ที่สอดคล้องกับความเชี่ยวชาญและกลุ่มเป้าหมายของคุณ

การตลาดแบบพันธมิตร (Affiliate Marketing):
โปรโมทสินค้าหรือบริการของผู้อื่น และรับค่าคอมมิชชั่นเมื่อมีคนซื้อผ่านลิงก์ของคุณ


ขายสินค้าหรือบริการของคุณเอง:
หากคุณมีความสามารถในการสร้างสินค้าหรือบริการ คุณสามารถขายผ่านช่องทางออนไลน์ของคุณ


5. พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง:

เรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ:
ติดตามข่าวสารและเทรนด์ใหม่ๆ ในวงการอินฟลูเอนเซอร์
เรียนรู้เทคนิคการสร้างเนื้อหา การตลาดออนไลน์ และการสร้างรายได้

วิเคราะห์ข้อมูล:
ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อวัดผลลัพธ์ของเนื้อหาและแคมเปญของคุณ
ปรับปรุงกลยุทธ์ของคุณตามข้อมูลที่ได้


เคล็ดลับเพิ่มเติม:

สร้างความแตกต่าง: หาจุดเด่นที่แตกต่างจากอินฟลูเอนเซอร์คนอื่นๆ
สร้างความน่าเชื่อถือ: สร้างความน่าเชื่อถือโดยการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และถูกต้อง
สร้างเครือข่าย: สร้างความสัมพันธ์กับอินฟลูเอนเซอร์คนอื่นๆ และแบรนด์ต่างๆ
การเป็นอินฟลูเอนเซอร์ต้องใช้เวลาและความอดทน แต่หากคุณมีความมุ่งมั่นและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง คุณจะสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน

3
motor expo 2025: Ford Everest Sport Special Edition เสริมความดุดันสไตล์สปอร์ต มาพร้อมเทคโนโลยีขับขี่อัจฉริยะ ในราคา 1,619,000 บาท

ฟอร์ด ประเทศไทย สร้างสีสันให้ตลาดรถยนต์อีกครั้ง ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ ด้วยการเปิดตัวรุ่นย่อยใหม่ล่าสุด ฟอร์ด เอเวอเรสต์ สปอร์ต สเปเชียล เอดิชัน ในราคา 1,619,000 บาท ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร เสริมความเข้มและดุดันยิ่งขึ้น ด้วยการตกแต่งโทนสีดำรอบคันสไตล์สปอร์ต พร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม และเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่ขั้นสูง ตอบโจทย์ผู้ที่มองหารถยนต์นั่งอเนกประสงค์ที่ผสานสไตล์และสมรรถนะได้อย่างลงตัว พร้อมเปิดจองแล้ววันนี้ที่ผู้จำหน่ายฟอร์ดทั่วประเทศ สัมผัสตัวจริงเป็นครั้งแรกได้ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 และโชว์รูมทั่วประเทศ พร้อมช่องทางการจองออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป

“ฟอร์ดมุ่งมั่นนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอผ่านการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สร้างความตื่นเต้นและรุ่นพิเศษต่างๆ เห็นได้จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของส่วนแบ่งทางการตลาด โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา ฟอร์ด เอเวอเรสต์ มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 21.6% และในปีนี้ เรายังคงสานต่อความสำเร็จของฟอร์ด เอเวอเรสต์ ด้วยการเปิดตัวรุ่นย่อยใหม่ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ สปอร์ต สเปเชียล เอดิชัน ที่ผสานดีไซน์สปอร์ตเข้มดุดัน สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้น และเทคโนโลยีล้ำสมัย ในราคาคุ้มค่า   ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่มองหารถยนต์นั่งอเนกประสงค์ที่ต้องการความคล่องตัว โฉบเฉี่ยวและมีสไตล์เพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือออกไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ ได้อย่างลงตัว” นายเมธัส ลิขิตสัจจากุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ สปอร์ต สเปเชียล เอดิชัน รุ่นย่อยใหม่ล่าสุดในตระกูลฟอร์ด เอเวอเรสต์ เป็นรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ที่ขับสนุก ผสานสมรรถนะที่พร้อมลุย ให้ความสะดวกสบาย ครบครันด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยในสไตล์ที่แตกต่าง ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 405 นิวตันเมตร

ภายนอก ฟอร์ด เอเวอเรสต์ สปอร์ต สเปเชียล เอดิชัน สะท้อนตัวตนของผู้ขับขี่ด้วยความเข้ม ดุดันที่ชัดเจนเป็นเอกลักษณ์ยิ่งขึ้น ด้วยการตกแต่งโทนสีดำรอบคันสไตล์สปอร์ต โดดเด่นด้วยหลังคาสีดำ สปอยเลอร์ท้ายสีดำ ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ สีดำ แอสฟัลท์ แบล็ก พื้นผิวด้าน คู่กับก้านสีแดงหนึ่งก้านและก้านสีดำเงาอีก 5 ก้าน พร้อมยาง 255/55 R20 แบบเดียวกับฟอร์ด เรนเจอร์ สตรอมแทรคและตัวอักษร EVEREST สีดำบนฝากระโปรงหน้า

ภายในกว้างขวางสะดวกสบาย ตกแต่งโทนสีดำสปอร์ต อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวก อาทิ เบาะนั่งคนขับและผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง แท่นชาร์จไร้สาย เพลิดเพลินกับระบบการเชื่อมต่อแบบไร้สายบนหน้าจอแสดงผลจอสีแบบสัมผัสมัลติทัชขนาด 12 นิ้ว รองรับ Wireless Apple CarPlay® และ Android AutoTM  ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ และ SYNC® 4A และยังมีบริการแบบ "พร้อมเสมอ" หรือ "Always-On" ผ่านแอปพลิเคชันฟอร์ดพาส (FordPass™) ที่เชื่อมต่อกับฟีเจอร์อัจฉริยะต่างๆ ในรถ

เพิ่มวิสัยทัศน์และความปลอดภัยในการขับขี่ด้วยกล้องมองรอบคัน 360 องศา มาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะครบครัน อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control (Stop & Go) ระบบตรวจจับรถในจุดบอด และระบบตรวจจับขณะออกจากช่องจอด (BLIS with Cross Traffic Alert)

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ สปอร์ต สเปเชียล เอดิชัน มีสีภายนอกให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล และ สีเงิน อลูมิเนียม เมทัลลิก จำหน่ายในราคา 1,619,000 บาท มาพร้อมการรับประกันจากโรงงาน 5 ปี หรือ 150,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งในปีแรก

4
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: ไซนัสอักเสบ (Sinusitis)

ไซนัสอักเสบ (Sinusitis) เป็นภาวะที่เยื่อบุบริเวณโพรงอากาศข้างจมูกเกิดการอักเสบบวมจากการติดเชื้อ ทำให้คัดจมูก มีน้ำมูกข้น ปวดบริเวณจมูก ตา โหนกแก้ม หน้าผาก ฟัน ไอ ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น สามารถเกิดได้ทั้งแบบฉับพลันและเรื้อรัง ซึ่งการรักษาสามารถทำได้โดยการดูแลตนเองร่วมกับใช้ยาตามแพทย์สั่ง

ไซนัส (Sinus) คือ โพรงอากาศบริเวณกระดูกใบหน้า มี 4 คู่ ได้แก่ ไซนัสแมกซิลลา (Maxillary Sinus) อยู่ในกระดูกโหนกแก้ม ไซนัสเอธมอยด์ (Ethmoid Sinus) อยู่ระหว่างเบ้าตาและด้านข้างของจมูก ไซนัสฟรอนตัล (Frontal Sinus) อยู่ในกะโหลกส่วนหน้าผากระหว่างคิ้วทั้งสองข้าง ไซนัสสฟีนอยด์ (Sphenoid Sinus) อยู่ในกระดูกส่วนที่เป็นฐานสมอง โดยภายในโพรงไซนัสแต่ละจุดจะมีเยื่อบุไซนัสทำหน้าที่ผลิตเมือกสำหรับดักจับฝุ่นและเชื้อโรค


อาการของไซนัสอักเสบ

เนื่องจากไซนัสอักเสบเกิดขึ้นบริเวณเยื่อบุไซนัสที่บริเวณโหนกแก้ม โพรงจมูก และกระดูกหน้าผาก อาการของไซนัสส่วนใหญ่จึงเกี่ยวข้องกับอวัยวะในระบบทางเดินหายใจ ดังนี้

    หายใจติดขัด อึดอัด คัดจมูก
    มีน้ำมูกสีเขียวหรือสีเหลืองข้น
    ประสาทรับกลิ่นไม่ดี
    ปวดบริเวณไซนัส ได้แก่ โหนกแก้ม หน้าผาก จมูกตรงระหว่างคิ้ว หัวคิ้ว และหัวตา
    ปวดฟัน ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น มีกลิ่นปาก
    มีไข้ อ่อนเพลีย
    ไอ เจ็บคอ มีมูกข้นในลำคอหรือมูกไหลลงลำคอ

อาการของไซนัสอักเสบมีระยะเวลาฟื้นตัวและหายดีแตกต่างกันตามชนิดของการอักเสบ คือ

    ไซนัสอักเสบเฉียบพลัน (Acute Sinusitis) มักเกิดร่วมกับโรคหวัด ระยะเวลาป่วย 2–4 สัปดาห์
    ไซนัสอักเสบกึ่งเฉียบพลัน (Subacute Sinusitis) การอักเสบเกิดขึ้นยาวนานประมาณ 4–12 สัปดาห์
    ไซนัสอักเสบเรื้อรัง (Chronic Sinusitis) การอักเสบเกิดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป มักพบร่วมกับการป่วยโรคภูมิแพ้
    ไซนัสอักเสบซ้ำซ้อน (Recurrent Sinusitis) การอักเสบเกิดขึ้นมากกว่า 3 ครั้งใน 1 ปี โดยแต่ละครั้งมีอาการนานมากกว่า 10 วัน

สาเหตุของไซนัสอักเสบ

ไซนัสอักเสบ เกิดจากเยื่อบุไซนัสติดเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรียที่ผ่านเข้ามาทางกระบวนการหายใจ จนเนื้อเยื่อเกิดอาการบวม สารคัดหลั่งเมือกเหลวที่ถูกผลิตขึ้นจึงเกิดการอุดตันกลายเป็นหนองอักเสบหรือน้ำมูกเขียวข้น ทำให้เกิดอาการคัดจมูก มีน้ำมูกไหล มีอาการปวดบริเวณไซนัสที่อักเสบ และมีอาการป่วยอื่น ๆ ตามมา

ไซนัสอักเสบมักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส พบในอัตรา 90% ของผู้ป่วย หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนหรือการพัฒนาโรคที่รุนแรงขึ้นอาการจะทุเลาลงและหายดีเองภายในประมาณ 10 วัน ในขณะที่การติดเชื้อแบคทีเรียจนทำให้ไซนัสอักเสบจะพบได้ไม่บ่อยนัก ประมาณ 5–10% เท่านั้น และต้องได้รับการรักษาด้วยยาต้านเชื้อแบคทีเรียโดยเฉพาะ มักมีอาการนานกว่า 10 วัน หรืออาการแย่ลงหลังจากเป็นมานาน 5 วัน

ส่วนสาเหตุที่ทำให้อาการอักเสบยังคงอยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่ทุเลาลง หรือลุกลามยาวนานจนกลายเป็นไซนัสอักเสบระยะเรื้อรังมีหลายปัจจัย เช่น การป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ โดยเฉพาะภูมิแพ้อากาศและหอบหืด การเกิดเนื้องอกในจมูก การเกิดผนังกั้นช่องจมูกคด การมีภูมิคุ้มกันต่ำ และการสูบบุหรี่

การวินิจฉัยไซนัสอักเสบ

การวินิจฉัยอาการไซนัสอักเสบอาจใช้วิธีสังเกตตนเองร่วมกับการตรวจจากแพทย์ ดังนี้


การวินิจฉัยด้วยตนเอง

อาการของไซนัสคล้ายกับอาการของไข้หวัด ผู้ป่วยควรสังเกตว่ามีน้ำมูกอุดตันจนหายใจลำบาก มีมูกข้นในลำคอหรือไหลลงสู่ลำคอ หรือมีอาการปวดตามจุดต่าง ๆ ที่เป็นตำแหน่งของไซนัสหรือไม่

และควรมาพบแพทย์ทันทีหากมีอาการป่วยรุนแรง เช่น มีอาการปวดศีรษะมาก ไข้สูง มองเห็นภาพซ้อนหรือการมองผิดจากปกติ ปวดบวมบริเวณดวงตา จมูก หน้าผาก แก้ม รักษาแล้วแต่อาการไม่ทุเลาลง มีอาการเรื้อรังยาวนานเกินกว่า 10 วัน หรือเคยมีประวัติป่วยด้วยไซนัสอักเสบมาก่อน

การวินิจฉัยโดยแพทย์

ในเบื้องต้นแพทย์จะซักถามอาการและประวัติการป่วยร่วมกับการตรวจร่างกาย โดยอาจพบเยื่อบุโพรงจมูกมีการอักเสบบวมแดงหรือมีหนอง ตรวจมูกหนองในลำคอ และกดตามจุดบริเวณใบหน้าเพื่อตรวจหาตำแหน่งอักเสบของไซนัส

ส่วนการตรวจพิเศษเพื่อให้ทราบผลที่แน่ชัด แพทย์มักใช้วิธีวินิจฉัยภาพที่ได้จาก

    Computed Tomography Scan (CT Scan) แพทย์จะฉีดสารทึบรังสีเข้าไปทางหลอดเลือดดำ แล้วฉายรังสีเอกซ์ให้คอมพิวเตอร์สร้างภาพออกมา โดยในระหว่างการฉายรังสีจะไม่ทำให้ผู้ป่วยเกิดความเจ็บปวด
    Magnetic Resonance Imaging (MRI) เป็นเครื่องสร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า โดยจะส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไปกระตุ้นอวัยวะส่วนที่จะตรวจ แล้วสร้างเป็นภาพออกมา เป็นวิธีการตรวจที่มีความละเอียดและความแม่นยำสูง สามารถใช้ตรวจร่างกายภายในได้ทุกระบบ แพทย์จะวินิจฉัยจากภาพที่ได้ว่ามีสารเหลวอยู่ในบริเวณไซนัสหรือไม่และบริเวณใด แล้วเข้าสู่กระบวนการรักษาต่อไป

นอกจากนั้น แพทย์ยังอาจใช้การตรวจเลือดเพื่อหาความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (Complete Blood Cell) เพื่อดูการทำงานและปริมาณของเม็ดเลือดขาว ตรวจหาอัตราการตกตะกอนของเม็ดเลือดแดง (Erythrocyte Sedimentation Rate, ESR) และตรวจหา C-Reactive Protein ในเลือด

อีกวิธีที่ใช้ตรวจบริเวณโพรงจมูกและไซนัส คือ Nasal Endoscopy เป็นการส่องกล้อง Endoscope โดยแพทย์จะสอดหลอดแก้วนำแสงเข้าไปทางจมูก แล้วตรวจดูจุดต่าง ๆ ว่ามีการอักเสบหรือมีหนองที่ไซนัสหรือไม่ผ่านภาพจากกล้อง


การรักษาไซนัสอักเสบ

การรักษาอาการอักเสบของไซนัสอาจทำได้ด้วยการดูแลตนเองและการเข้ารับการรักษาจากแพทย์ ดังนี้


การดูแลตนเองเบื้องต้น

หากป่วยด้วยไซนัสอักเสบแบบเฉียบพลัน อาการจะทุเลาลงและหายดีภายใน 2–4 สัปดาห์ ในระหว่างนั้นผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองที่บ้านได้ ดังนี้

    การใช้ยาที่หาซื้อได้ตามร้านขายยา เช่น กลุ่มยาแก้ปวดและลดไข้ อย่างพาราเซตามอล (Paracetamol) และไอบูโปรเฟน (Ibuprofen) เพื่อช่วยลดไข้และบรรเทาอาการปวดบวมอักเสบ และกลุ่มยาลดน้ำมูกและแก้คัดจมูก (Decongestant) เพื่อช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกหายใจติดขัด อย่างไรก็ตาม ข้อควรระวังของยากลุ่มนี้คือไม่ควรใช้ยาติดต่อกันเกินกว่า 1 สัปดาห์
    การใช้แผ่นประคบร้อน (Warm Pack) ประคบตามจุดต่าง ๆ ที่มีอาการปวดบนใบหน้า ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการปวดและทำให้มูกเหลวที่อักเสบไหลออกมามากขึ้น
    การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ โดยก่อนการล้างจมูกควรล้างมือและอุปกรณ์ทุกชนิดให้สะอาด แล้วใช้กระบอกฉีดยาฉีดน้ำเกลือเข้าโพรงจมูกข้างหนึ่งอย่างช้า ๆ น้ำเกลือจะชะล้างหนองที่อักเสบและสิ่งสกปรกที่ตกค้างภายในโพรงจมูกให้ไหลออกมาทางจมูกอีกข้างหนึ่ง

การรักษาทางการแพทย์

หากเวลาผ่านไประยะหนึ่งแล้ว อาการไซนัสอักเสบยังไม่ทุเลาลง มีอาการไซนัสอักเสบเรื้อรัง หรือเป็นไซนัสอักเสบซ้ำหลายครั้ง ควรไปพบแพทย์เพื่อปรึกษาอาการ โดยแพทย์จะมีวิธีการรักษา ดังนี้


การให้ยา

ยาบางชนิดต้องอยู่ภายใต้คำสั่งและการดูแลของแพทย์ ได้แก่ ยาสเตียรอยด์พ่นจมูก (Nasal Corticosteroids) เป็นยาออกฤทธิ์เฉพาะที่ ใช้พ่นเข้าไปในจมูกเพื่อลดอาการอักเสบ ลดการบวมของเยื่อบุโพรงจมูก มีประสิทธิผลทั้งทางการรักษาและทางการป้องกันการอักเสบ

ในบางกรณี หากสเตียรอยด์แบบสเปรย์รักษาไม่ได้ผล แพทย์จะให้ใช้สเตียรอยด์แบบหยด โดยผสมสเตียรอยด์ในน้ำเกลือที่ใช้ล้างจมูกแทน ผลข้างเคียงของการใช้ยานี้คือ อาจเกิดอาการระคายเคืองจมูก มีเลือดไหลจากจมูก หรือเจ็บคอร่วมด้วย ส่วนยาสเตียรอยด์แบบรับประทานจะใช้ในรายที่มีอาการป่วยรุนแรง และไม่ควรใช้สเตียรอยด์ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน

สำหรับยาลดอาการคัดจมูกแบบรับประทาน เช่น pseudoephedrine และ phenylephrine แพทย์จะจ่ายยาในปริมาณสำหรับรับประทาน 10–14 วัน ยาลดอาการคัดจมูกแบบพ่นหรือหยด เช่น Oxymetazoline และ Hydrochloride ใช้รักษาภายใน 3–5 วัน

ส่วนยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) จะถูกนำมาใช้ในกรณีที่ไซนัสอักเสบจากแบคทีเรีย แพทย์จะให้ยาโดยพิจารณาจากความรุนแรงของโรคเป็นเวลา 10–14 วัน เช่น ยากลุ่ม Amoxicillin, Clarithromycin และ Azithromycin

แต่หากผู้ป่วยต้องอยู่อาศัยในบริเวณที่มีโอกาสติดเชื้อสูง หรืออาการไม่ดีขึ้นหลังรับยาไปแล้ว 2–3 วัน แพทย์จะใช้ยารักษาในขั้นถัดไป เช่น Amoxicillin-clavulanate, Cephalosporins, Macrolides, Fluoroquinolones และ Clindamycin


การผ่าตัด

หากการรักษาวิธีอื่นไม่ได้ผล แพทย์จะใช้การผ่าตัดด้วยวิธี Functional Endoscopic Sinus Surgery (FESS) เป็นการผ่าตัดผ่านทางรูจมูกด้วยกล้องเอ็นโดสโคปซึ่งเป็นกล้องขยายที่มีขนาดเล็ก แพทย์จะใช้เครื่องมือที่ถูกออกแบบมาพิเศษในการผ่าตัดนี้และมองภาพขณะผ่าตัดผ่านกล้อง ผู้ป่วยจะได้รับยาชาหรือยาสลบในขณะผ่าตัดโดยขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการป่วย


ภาวะแทรกซ้อนของไซนัสอักเสบ

ไซนัสอักเสบอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ดังนี้

    เกิดภาวะประสาทรับกลิ่นแย่ลง (Hyposmia) หรือสูญเสียประสาทรับกลิ่น (Anosmia) นอกจากการอุดตันของมูกและหนองจะทำให้คัดจมูกหายใจลำบากแล้ว ยังมีผลต่อการรับกลิ่นของเซลล์บริเวณจมูกด้วย
    การติดเชื้อซ้ำซ้อน แม้จะมีภาวะไซนัสอักเสบไปแล้ว แต่บริเวณเยื่อบุไซนัสอาจอักเสบซ้ำได้ด้วยสาเหตุอื่น หรือการอักเสบอาจเกิดขึ้นกับไซนัสบริเวณอื่น ซึ่งจะเป็นผลให้อาการป่วยทรุดลงหรือพัฒนาไปสู่ภาวะไซนัสอักเสบเรื้อรัง
    ต่อมน้ำลายอุดตัน เป็นผลพวงมาจากการอุดตันของหนองอักเสบในไซนัส หากไม่ได้รับการรักษา อาจเกิดการติดเชื้อลุกลามไปยังโครงสร้างอื่น ๆ ที่ใกล้เคียง
    การติดเชื้อที่อวัยวะและโครงสร้างเซลล์บริเวณใกล้เคียงกับไซนัส เป็นกรณีที่อาจเกิดขึ้นได้แต่ไม่บ่อยนักแต่จัดว่าเป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น การอักเสบที่ดวงตา เส้นเลือดอักเสบ เซลล์เนื้อเยื่ออักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ การอักเสบของกระดูกและไขกระดูก


การป้องกันไซนัสอักเสบ

การป้องกันไซนัสอาจเสบอาจทำได้โดยการปฏิบัติตามแนวทางดังต่อไปนี้

    ป้องกันตนเองจากไข้หวัด ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการป่วยไซนัสอักเสบ โดยสามารถทำได้ด้วยการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง สร้างภูมิต้านทานโรคที่ดี รักษาสุขอนามัย ล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ และหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้หรือสัมผัสผู้ที่กำลังป่วยด้วยโรคไข้หวัด
    หลีกเลี่ยงฝุ่นควันและมลภาวะ เมื่อต้องออกนอกบ้านหรือเดินทางในพื้นที่เสี่ยงต่อมลภาวะ ควรใช้ผ้าปิดปากและจมูก เมื่ออยู่ในบ้านก็ควรทำความสะอาดกำจัดฝุ่นและขนสัตว์อยู่เสมอ และหากป่วยเป็นภูมิแพ้ก็ควรหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้หรือสัมผัสสารที่ตนแพ้ด้วย
    ไม่สูบบุหรี่หรืออยู่ใกล้คนที่กำลังสูบบุหรี่ เพราะควันและสารพิษจากบุหรี่จะทำให้เกิดการระคายเคืองในเนื้อเยื่อจมูกและไซนัส ทำให้เกิดการอักเสบตามมา
    รับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง เช่น พืชผักผลไม้และอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างส้ม องุ่น ถั่ว ผักคะน้า หัวมัน ธัญพืช เนื้อปลา


5
ฟันลักษณะไหน ควรจัดฟันเด็ก EF Line

การจัดฟันในเด็ก ถือว่าเป็นการจัดฟันที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ยิ่งในกลุ่มเด็กเล็กที่มีพฤติกรรมการดูดนิ้ว การติดดูดขวดนม ก็จะส่งผลต่อการขึ้นของฟัน และอาจจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพฟันได้ ซึ่งการจัดฟัน EF Line ในเด็ก ถือว่าเป็นการแก้ไขปัญหาฟันที่มีประสิทธิภาพมาก ไม่ว่าจะเป็นการช่วยปรับโครงหน้าของเด็ก สามารถแก้ไขปัญหากล้ามเนื้อที่มีการทำงานผิดปกติ ช่วยปรับตำแหน่งของลิ้น และยังช่วยปรับรูปของกระดูกขากรรไกร และใบหน้า เนื่องจากเด็กวัยนี้ถือว่าเป็นวัยที่กำลังเจริญเติบโต จึงยังสามารถปรับและแก้ไขโครงสร้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ซึ่งพ่อแม่ผู้ปกครองที่อยากให้ลูกน้อยของท่านมีฟันที่สวยงามตั้งแต่ยังเด็ก ก็สามารถเข้ารับการจัดฟัน EF Line ได้ แต่พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะศึกษาเกี่ยวรายละเอียดของการจัดฟัน EF Line เพื่อที่จะได้เป็นแนวทางในการตัดสินใจ เพราะหลายคนยังคิดว่า การจัดฟัน EF Line ยังไม่มีความจำเป็น เพราะฟันของลูกน้อยยังเป็นฟันน้ำนมอยู่ แต่หารู้ไม่ว่า ฟันน้ำนมนั้นก็มีความสำคัญมาก เพราะฟันน้ำนมส่งผลต่อการขึ้นของฟันแท้ และการที่เราใส่ใจในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของลูกน้อยของเรานั้นก็เป็นเรื่องที่ควรเอาใจใส่ให้มากเป็นพิเศษ ซึ่งในวันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงเรื่องของลักษณะฟันของเด็ก ที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรจะพาลูกน้อยของท่านเข้ารับการตรวจเพื่อเข้ารับการจัดฟัน EF Line เพื่อที่จะให้ลูกน้อยของเรา มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี และมีรอยยิ้มที่สดใส


สำหรับการจัดฟัน EF Line เป็นการจัดฟันที่มีเครื่องมือการจัดฟันเป็นลักษณะชิ้นยางที่มีหลากหลายสี ซึ่งใช้ในการปรับโครงสร้างใบหน้าของเด็ก ปรับตำแหน่งลิ้น ปรับรูปของขากรรไกร ซึ่งลักษณะของเด็กที่ควรเข้ารับการจัดฟัน EF Line ก็คือ เด็กที่มีลักษณะฟันยื่น เด็กที่ฟันล่างคร่อมฟันบน เด็กที่ฟันสบกันไม่ปกติ รวมทั้งเด็กที่มีรูปหน้าสั้นซึ่งต้องการเพิ่มความสูงใบหน้า นอกจากนี้การจัดฟัน EF Line ยังสามารถทำได้ในเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 4-15 ปี ซึ่งเรียกได้ว่า การจัดฟัน EF line เป็นนวัตกรรมการจัดฟันรูปแบบใหม่ ด้วยกระบวนการจัดฟัน โดยอาศัยแรงที่ได้จากกล้ามเนื้อให้เกิดการปรับโครงสร้างกระดูกใบหน้าและให้มีการเรียงตัวของฟันที่สวยงามมากยิ่งขึ้น


แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พ่อแม่ผู้ปกครอง จะตัดสินใจให้ลูกน้อยเข้ารับการจัดฟัน EF Line ก็ควรที่จะศึกษาข้อมูลให้ละเอียด เพื่อที่ลูกน้อยของเราจะได้รับการรักษาที่ปลอดภัย และผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ที่สำคัญที่สุด พ่อแม่ผู้ปกครอง ก็ควรที่จะสร้างทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพของช่องปากและฟัน ยิ่งเด็กเล็ก ก็ควรที่จะหัดให้ลูกรู้จักวิธีการแปรงฟันที่ถูกต้อง บอกถึงการทำความสะอาดช่องปากและฟันที่ดี เพื่อปลูกฝังให้เด็กรู้จักดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากและฟันอย่างถูกวิธี เพราะเด็กในวัยนี้อยู่ในช่วงที่กำลังเรียนรู้ ดังนั้น การสร้างทัศนคติที่ดี ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ ก่อนพาลูกน้อยของท่านไปพบทันตแพทย์

ทั้งนี้ ทางคลินิกเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพช่องปากที่ดี รวมไปถึง เด็กเล็กที่อยู่ในวัยที่กำลังเรียนรู้ เพื่อให้เด็กมีความรู้ ความเข้าใจ ที่ถูกต้องเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี นอกจากนี้ การจัดฟันในเด็กนั้น ก็ยังเป็นการจัดฟันที่ได้ผลที่มีประสิทธิภาพ มากกว่าการจัดฟันตอนโต เพราะการที่เรารู้จักดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟันตั้งแต่อายุยังน้อย ก็จะส่งผลให้เราเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจอยากให้ลูกน้อยของท่านเข้ารับการจัดฟัน EF Line ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกได้ ทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการจัดฟัน EF Line ที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการจัดฟันในเด็กมาอย่างยาวนาน ทางเรามีเครื่องมือการรักษาที่ทันสมัย จึงทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองมั่นใจได้ว่า ลูกน้อยของท่านจะได้รับการรักษาที่มีความปลอดภัยอย่างแน่นอน

6
พิจารณาขนาดและรูปแบบ ของผ้ากันไฟให้เหมาะสมต่อการใช้งาน

การพิจารณาขนาดและรูปแบบของผ้ากันไฟให้เหมาะสมกับการใช้งานเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้มั่นใจว่าผ้ากันไฟจะสามารถปกป้องคุณและทรัพย์สินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้:

1. พิจารณาขนาด

พื้นที่ใช้งาน:
วัดขนาดพื้นที่ที่ต้องการป้องกัน เพื่อเลือกขนาดผ้ากันไฟที่ครอบคลุมพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม
หากต้องการป้องกันบริเวณกว้าง เช่น ผนังหรือเครื่องจักรขนาดใหญ่ ควรเลือกผ้ากันไฟขนาดใหญ่
หากต้องการป้องกันบริเวณเล็กๆ เช่น อุปกรณ์ไฟฟ้า หรือกระทะ ควรเลือกผ้ากันไฟขนาดเล็ก

ลักษณะของแหล่งกำเนิดไฟ:
หากแหล่งกำเนิดไฟมีขนาดใหญ่ ควรเลือกผ้ากันไฟที่มีขนาดใหญ่กว่าแหล่งกำเนิดไฟ เพื่อให้สามารถคลุมดับไฟได้อย่างมิดชิด
หากแหล่งกำเนิดไฟมีขนาดเล็ก ควรเลือกผ้ากันไฟที่มีขนาดพอดี เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน


2. พิจารณารูปแบบ

ผ้าผืน:
เหมาะสำหรับใช้งานทั่วไป เช่น คลุมดับไฟ คลุมอุปกรณ์ หรือกั้นบริเวณที่มีความเสี่ยง
มีหลายขนาดและวัสดุให้เลือก

ผ้าห่ม:
เหมาะสำหรับใช้คลุมตัวเพื่อป้องกันไฟ หรือใช้คลุมเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่
มีขนาดใหญ่และหนา เพื่อให้สามารถป้องกันความร้อนและเปลวไฟได้ดี

ผ้ากันเปื้อน:
เหมาะสำหรับใช้ในห้องครัว เพื่อป้องกันสะเก็ดไฟจากการทำอาหาร
มีขนาดพอดีตัว ทำให้สะดวกต่อการใช้งาน

ม่านกันไฟ:
เหมาะสำหรับติดตั้งในโรงงานอุตสาหกรรม หรือบริเวณที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดไฟไหม้
มีขนาดใหญ่และทนทาน สามารถกั้นบริเวณเพื่อป้องกันการลุกลามของไฟ


3. พิจารณาวัสดุ

ผ้าใยแก้ว (Fiberglass):
เหมาะสำหรับงานทั่วไป ทนความร้อนได้ปานกลาง ราคาไม่แพง

ผ้าซิลิกา (Silica):
เหมาะสำหรับงานที่ต้องการการป้องกันความร้อนสูง ทนความร้อนได้สูงมาก

ผ้าเคฟลาร์ (Kevlar):
เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความทนทานสูง มีความแข็งแรงทนทานสูง ทนต่อการฉีกขาด

ผ้าโนแม็กซ์ (Nomex Cloth):
เหมาะสำหรับใช้ทำชุดป้องกันไฟสำหรับนักดับเพลิงและพนักงานในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูง


4. ตัวอย่างการใช้งาน

ห้องครัว: ใช้ผ้ากันไฟขนาดเล็ก (1x1 เมตร) หรือผ้ากันเปื้อนกันไฟ
ห้องนั่งเล่น: ใช้ผ้ากันไฟขนาดกลาง (1x2 เมตร ถึง 2x3 เมตร) หรือผ้าห่มกันไฟ
โรงงานอุตสาหกรรม: ใช้ผ้ากันไฟขนาดใหญ่ (3x5 เมตร หรือใหญ่กว่า) หรือม่านกันไฟ


คำแนะนำเพิ่มเติม
ควรมีผ้ากันไฟติดบ้านไว้อย่างน้อย 1 ผืน
ควรเก็บผ้ากันไฟไว้ในที่ที่เข้าถึงได้ง่าย
ควรฝึกซ้อมการใช้ผ้ากันไฟ เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างถูกต้องเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

7
ซ่อมบำรุงอาคาร: แอร์สกปรก ส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างไร

อากาศในเมืองไทยของเราต้องบอกว่า มีอากาศที่ร้อนอบอ้าวมากซึ่งหลายบ้านส่วนใหญ่นิยมติดตั้งเครื่องปรับอากาศเพื่อคลายร้อน เพราะให้ความรู้สึกเย็นสบายท่ามกลางอากาศที่ร้อนแต่เราก็ต้องยอมแลกกับค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปไม่ว่าจะเป็นค่าติดตั้งเครื่องปรับอากาศค่าไฟที่ต้องเพิ่มมากขึ้นอย่างมหาศาล แต่หากเราติดเครื่องปรับอากาศเพื่ออำนวยความสะดวกก็ต้องมั่นใจว่าเครื่องปรับอากาศของเรานั้น จะมีอายุการใช้งานที่นานและมีการใช้งานที่มีประสิทธิภาพซึ่งหลายบ้านต้องติดตั้งเครื่องปรับอากาศภายในบ้านเครื่องใหม่และอาจจะสงสัยว่าช่วงที่ช่างที่มาติดตั้งเครื่องปรับอากาศที่บ้านของเรานั้นทำงานเรียบร้อยหรือไม่หรือติดตั้งเครื่องปรับอากาศในตำแหน่งที่ถูกต้องหรือเปล่าเพราะปัจจัยที่กล่าวมานั้น ส่งผลต่อการทำงานของเครื่องปรับอากาศภายในบ้านของเราเพราะถ้าหากเราจะต้องเสียงเงินเพื่อติดตั้งเครื่องปรับอากาศใหม่แล้วก็ต้องมั่นใจว่าเครื่องปรับอากาศที่เราติดตั้งไปแล้ว จะไม่เกิดปัญหาในภายหลัง

แล้วเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า เครื่องปรับอากาศที่ติดตั้งอยู่ภายในบ้านของเรานั้นมีระบบแอร์ที่ถูกต้องและถูกติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสมเพื่อให้เครื่องปรับอากาศทำงาน
ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดค่าใช้จ่ายในเรื่องของค่าไฟฟ้าแต่ที่สำคัญที่สุดของการใช้งานเครื่องปรับอากาศก็คือ เราจะต้องล้างทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศของเราตามเวลาที่กำหนด เช่น อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศของเราและการที่แอร์มีความสะอาด โดยที่ไม่มีการสะสมของฝุ่นก็จะช่วยให้แอร์ทำงานไม่หนักและประหยัดค่าใช้จ่าย

ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ทั้งยังช่วยทำให้คนในบ้านมีสุขภาพที่ดีไม่เสี่ยงต่อการเกิดโรคปอดอักเสบจากการใช้งานเครื่องปรับอากาศด้วยดังนั้น วันนี้เราจะมาพูดถึงผลเสียต่อสุขภาพที่มาจากการใช้งานแอร์ที่มีความสกปรก
โดยขาดการล้างทำความสะอาด

หลายคนทราบกันดีอยู่แล้วว่า การที่เราไม่ล้างทำความะสอาดแอร์นั้นจะส่งผลทำให้เรามีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจเนื่องจากห้องที่มีแอร์หรือเครื่องปรับอากาศนั้น จะต้องมีการปิดประตูหน้าต่างสนิทด้วยเหตุนี้เองทำให้เชื้อโรคสามารถเจริญเติบโตได้ดี และหากอยู่ในห้องแอร์ที่เปิดอุณหภูมิต่ำกว่า 25 องศาอากาศภายในห้องก็จะแห้งทำให้เซลล์ต่างๆ อย่างเซลล์เยื่อบุโพรงจมูกแห้งลงกว่าเดิม

ดังนั้น คนที่อยู่ในห้องแอร์นานๆ จึงอาจจะป่วยเป็นโรคระบบทางเดินหายใจได้ เช่น หวัด ภูมิแพ้ เป็นต้น

นอกจากนี้ยังส่งผลทำให้เกิดโรคลีเจียนแนร์ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียโดยการสูดหายใจเอาเชื้อที่ปนเปื้อนอยู่ในละอองน้ำเข้าสู่ร่างกายโดยจะมีอาการคือจะมีไข้ขึ้นสูง ไอ หนาวสั่นลักษณะโรคลีเจียนแนร์จะเป็นชนิดแบบรุนแรง จึงมีภาวะปอดอักเสบด้วยทำให้การหายใจล้มเหลวและมีอัตราการเสียชีวิตสูง

รวมไปถึงโรคไข้ปอนเตียก เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียแต่ไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับโรคลีเจียนแนร์ เพราะโรคไข้ปอนเตียกมักจะหายเองภายใน 2-5 วันแม้จะไม่ได้รับการรักษา ส่วนลักษณะอาการจะคล้ายกับไข้หวัดใหญ่นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม เมื่อเรารู้อย่างนี้แล้ว เราจะยังใช้งานแอร์ที่มีความสกปรกอยู่แบบนี้ทำไมเพื่อให้เราได้ใช้งานแอร์อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยก็ควรที่จะล้างทำความสะอาดแอร์เป็นประจำตามเวลาที่กำหนดเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาสุขภาพในอนาคต

ดังนั้น การที่เราใช้แอร์ที่มีความสะอาด บำรุงรักษามาเป็นอย่างดีนอกจากจะช่วยในเรื่องสุขภาพของคนในครอบครัวแล้ว ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของแอร์อีกด้วยแถมยังช่วยประหยัดค่าใช่จ่ายภายในบ้านได้อีกเยอะเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม หากคุณอยากที่จะตรวจสอบหรือเช็คระบบแอร์ล้างทำความสะอาดโดยช่างที่มีความเชี่ยวชาญที่การันตีด้วยประสบการณ์การทำงานมาอย่างยาวนานก็สามารถขอรายละเอียดได้จากทางเรามีบริการดูแลระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศภายในอาคารระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศเป็นสิ่งจำเป็นมากเพราะนั่นหมายถึงอากาศที่ดีที่เราสูดดมเข้าไป ถ้าหากเรามีระบบเครื่องปรับอากาศที่ไม่สะอาดแล้วอาจจะทำให้เราเสียสุขภาพไปด้วย


8
ชุดปฏิบัติธรรม ชุดแม่ชี เราเป็น โรงงานผลิตโดยตรง
ตัดเย็บปราณีต ทรงสวย เรียบหรู ดูสง่างดงาม
ผลิตจาก ผ้าฝ้ายแท้ 100% เกรดพรีเมียม

ชุดปฏิบัติธรรม ชุดขาวไปวัด ชุดแม่ชี
– ราคาแยกรายชิ้น –
ทอย้อมจากโรงงานอุตสาหกรรมชั้นดี
พร้อมส่งทุกไซส์
(กรณีสั่งตัดไซส์พิเศษ รอผลิต 7-10 วัน)
จัดส่งฟรี‼ เมื่อลูกค้าโอนชำระ
มีบริการเก็บเงินปลายทาง (+ตัวละ 10.-)

รับตัดชุดขาวไซส์ใหญ่พิเศษ
หมดกังวล หาไซส์ไม่ได้ ทางร้านเป็นโรงงานผลิตโดยตรง
สามารถสั่งตัดชุดได้ตามความต้องการ รอผลิต 7-10 วันทำการ

ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ

สัมผัสประสบการณ์ใหม่
จากผ้าฝ้ายแท้ 100%
 นุ่มสบาย ไม่ร้อน ไม่ระคายคือง
ใส่ใจทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การคัดสรรเนื้อผ้า
การตัดเย็บ รวมไปถึงการจัดส่งแบบปกติ
และจัดส่งเร่งด่วน (Kerry EMS Grab)

ชุดขาวปฎิบัติธรรม ชุดขาวหญิง ชุดแม่ชี คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด

ชุดปฎิบัติธรรมชาย คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด


ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ







9
Doctor At Home: รกเกาะต่ำ (Placenta previa)

รกเกาะต่ำ หมายถึง ภาวะที่รกเกาะอยู่ใกล้กับปากมดลูก หรือขวางปากมดลูก

พบในหญิงตั้งครรภ์ประมาณ 1 ใน 200 ราย


สาเหตุ

ยังไม่ทราบแน่ชัด พบบ่อยในหญิงอายุมากกว่า 35 ปี มักพบในครรภ์หลัง (ยิ่งครรภ์หลัง ๆ ยิ่งมีโอกาสพบได้มากขึ้น) มีครรภ์แฝด มีประวัติเคยมีรกเกาะต่ำมาก่อน มีประวัติสูบบุหรี่หรือเสพโคเคน หรือมีความผิดปกติของมดลูก (เช่น มีก้อนเนื้องอกในมดลูก) หรือเคยมีประวัติการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องมาก่อน


อาการ

มีเลือดออกทางช่องคลอดเป็นพัก ๆ โดยไม่มีอาการปวดเจ็บในท้องแต่อย่างใด และมดลูกนุ่มเป็นปกติ โดยมากมักจะเกิดเมื่อครรภ์ได้ 7 เดือนขึ้นไป

     ถ้าเป็นไม่มาก เลือดอาจออกเล็กน้อยและหยุดไปได้เอง และทารกสามารถคลอดตามปกติได้

     แต่ถ้ารกเกาะต่ำมากหรือขวางปากมดลูก อาจทำให้ตกเลือดมาก จนผู้ป่วยเกิดภาวะช็อกได้ หรือทารกในครรภ์ขาดออกซิเจนตายในท้องได้

     โรคนี้บางครั้งอาจแยกไม่ออกจากรกลอกตัวก่อนกำหนด


ภาวะแทรกซ้อน

มารดาอาจเกิดภาวะช็อกจากการตกเลือด หรืออาจมีโอกาสติดเชื้อแทรกซ้อนได้

ทารกอาจคลอดก่อนกำหนด น้ำหนักน้อย หรือเสียเลือด ทำให้มีภาวะโลหิตจาง


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ และทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจอัลตราซาวนด์


การรักษาโดยแพทย์

ถ้าเลือดออกไม่มาก แพทย์จะให้ผู้ป่วยนอนพักในโรงพยาบาลจนกว่าเลือดจะหยุด หลังจากนั้นให้ผู้ป่วยกลับบ้าน และนัดมาตรวจอย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเด็กคลอด ในกรณีนี้อาจคลอดตามธรรมชาติได้ แต่ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

ถ้าเลือดออกมาก อาจต้องให้เลือด และทำการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น หญิงตั้งครรภ์มีอาการเลือดออกทางช่องคลอดเป็นพัก ๆ ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นรกเกาะต่ำ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    พักผ่อนให้มาก ๆ และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจทำให้เลือดออก เช่น การออกกำลังกาย การมีเพศสัมพันธ์

       
ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีเลือดออกทางช่องคลอดกำเริบขึ้นอีก
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล อาจลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะนี้ลงด้วยการไม่สูบบุหรี่และไม่เสพโคเคน

         ควรป้องกันไม่ให้อาการรุนแรง โดยการไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาแต่เนิ่น ๆ เมื่อสังเกตว่ามีอาการที่น่าสงสัย และผู้ที่เคยมีประวัติเกิดภาวะนี้มาก่อน เมื่อตั้งครรภ์ครั้งใหม่ควรไปฝากครรภ์กับแพทย์แต่เนิ่น ๆ


ข้อแนะนำ

ผู้หญิงตั้งครรภ์ที่มีเลือดออกทางช่องคลอด ควรรีบไปพบแพทย์ทุกราย เพราะอาจเกิดจากแท้งบุตร รกเกาะต่ำหรือรกลอกตัวก่อนกำหนดได้

ควรรีบไปพบแพทย์ทุกรายเพราะอาจเกิดจากรกเกาะต่ำหรือรกลอกตัวก่อนกำหนดได้

10
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
เรา
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


11
ปล่อยรถราคาพิเศษ HONDA CR-V 1.5 ES AWD 2023 ซื้อวันนี้รับบัตรเติมน้ำมันฟรี

ฮอนด้า Honda CR-V ES 4WD ปี 2023
HONDA CR-V ES 4WD สปอร์ตพรีเมียม เจเนอเรชันที่ 6 กระจังหน้าดีไซน์ใหม่สีดำ Piano Black และกระจังหน้าสีดำ Piano Black ตกแต่งด้วยโครเมียม (เฉพาะรุ่น E) กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ปรับไฟฟ้าพร้อมพับเก็บอัตโนมัติ ไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED ไฟท้ายแบบ LED เปิดมุมมองใหม่ที่พรีเมียมยิ่งขึ้นกับหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วย ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี พร้อมระบบปิดอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Hands-Free Power Tailgate with Walk Away Close) เสาอากาศครีบฉลาม ปลอกท่อไอเสียสเตนเลสคู่ ล้ออัลลอย 18 นิ้ว

เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร Direct Injection DOHC VTEC TURBO 4 สูบ 16 วาล์ว ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Direct Injection และ Turbocharger กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) และมีอัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุด 14.3 กม./ลิตร* (รุ่น E) และรองรับน้ำมัน E85

โดยมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีใหม่ สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD และ e:HEV ES สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD สีขาวแพลทินัม (มุก) สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีดำคริสตัล (มุก)

หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 7 ก.พ. - 28 ก.พ. 2568
ซื้อวันนี้รับบัตรเติมน้ำมันฟรี มูลค่า 1,000 บาท

ราคาพิเศษ 1,268,000 บาท

สนใจสอบถามรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์              Honda
   รุ่น                   ฮอนด้า Honda CR-V ES 4WD ปี 2023
   ประเภทรถ          รถอเนกประสงค์ SUV, รถไฮบริด
   ปีที่เปิดตัว          2023


12
งานมอเตอร์โชว์ Toyota Fortuner Leader S รุ่นย่อยใหม่ในราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่ายที่ 1.239 ลบ พร้อม 3 สีให้เลือกแลัววันนี้

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ตอกย้ำความเป็นผู้นำตัวจริงในตลาด PPV แนะนำรถยนต์อเนกประสงค์ในรุ่นย่อยใหม่ FORTUNER LEADER S เป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์อเนกประสงค์ในราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่าย พร้อมดีไซน์พรีเมียม สวยสะดุดตา คุ้มค่าด้วยระบบความปลอดภัย และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน พร้อมด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ทันสมัย ตอบโจทย์ในทุกสภาพการใช้งาน ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567
 
โตโยต้า แนะนำรถยนต์อเนกประสงค์ประเภท PPV เข้าสู่ตลาดเมืองไทยครั้งแรกในปี พ.ศ.2547 ในนาม โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ภายใต้โครงการ IMV: International Innovative Multi-purpose Vehicle ซึ่งประสบความสำเร็จได้รับการยอมรับจากลูกค้าอย่างดีเยี่ยมตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สร้างปรากฏการณ์เป็นผู้นำตลาดรถอเนกประสงค์ประเภท Pick-Up Passenger Vehicle (PPV)  ในประเทศไทย โดยมียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้นมากกว่า 453,000 คัน* (*ข้อมูลยอดขายสะสมของฟอร์จูนเนอร์ภายใต้โครงการ IMV ตั้งแต่ปี 2547 – กันยายน 2567) อีกทั้งยังส่งออกจำหน่ายไปยังตลาดต่างประเทศ สร้างชื่อเสียงอันเป็นที่ยอมรับในคุณภาพการผลิตมาตรฐานระดับโลก ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น ทันสมัย และที่สำคัญสมรรถนะการขับขี่อันยอดเยี่ยม ตลอดจนอรรถประโยชน์ใช้สอยที่คุ้มค่า สร้างความภูมิใจในการเป็นเจ้าของด้วยความเหนือระดับอย่างแท้จริง จนสามารถครองใจลูกค้า ยืนยันความสำเร็จด้วยยอดขาย อันดับ 1 ในตลาด PPV 12 ปีติดต่อกัน

เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าที่เชื่อมั่นในคุณภาพ และความไว้วางใจด้วยดีตลอดมา พร้อมกันนี้ยังเป็นการเสริมความเป็นผู้นำตลาดให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และเพิ่มตัวเลือกสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์อเนกประสงค์ในราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่าย โตโยต้าภูมิใจแนะนำรถยนต์อเนกประสงค์ในรุ่นย่อยใหม่ FORTUNER LEADER S ที่โดดเด่นด้วย

ดีไซน์ภายนอก...รองรับทุกบทบาทของผู้นำด้วยไฟหน้าแบบ Bi-Beam LED พร้อม Daytime Running Lights, ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LEDและไฟท้ายแบบ LED Light Guiding เสริมด้วยล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว กับกระจังหน้า-กันชนหน้า บ่งบอกความภูมิฐาน

ภายในมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันไว้วางใจกับความสะดวกสบายรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto, มาตรวัดเรืองแสง พร้อมจอแสดงข้อมูลขนาด 4.2 นิ้ว

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมแผ่นกรองปรับอากาศ PM2.5, เบาะนั่งวัสดุผ้าคุณภาพสูง, กุญแจรีโมทแบบ Jack Knife Keyและช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า แบบกระแสสลับ AC 220 โวลต์

FORTUNER LEADER S ยังคงสมรรถนะทรงพลังจากเครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร ที่ประหยัดน้ำมันได้ถึง 14.3 กม./ลิตร (อ้างอิงจาก ECO Sticker) พร้อมระบบควบคุมพวงมาลัยแปรผันตามระดับความเร็ว, ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ ปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง, ช่วงล่างด้านหลังแบบโฟร์ลิงค์คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง พร้อมระบบความปลอดภัยครบครัน เช่น ถุงลมเสริมความปลอดภัย 7 ตำแหน่ง และกล้องมองหลัง นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี T-Connect ที่จะคอยดูแลผู้ขับขี่ทุกที่ทุกเวลา ผ่านระบบต่างๆ เช่น Find My Car บริการเช็กตำแหน่งรถแบบเรียลไทม์ TheftTrack บริการตรวจสอบตำแหน่งรถยนต์เมื่อถูกโจรกรรม SOS บริการประสานงานช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง Geo-Fencing บริการกำหนดขอบเขตความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีบริการที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Telematics อาทิ Maintenance Reminder บริการแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาเข้าศูนย์บริการ Vehicle Information บริการข้อมูลรถและการขับขี่แบบรอบด้าน PHYD ประกันภัย ขับดี ลดให้ และบริการด้านไลฟ์สไตล์ทั้ง Concierge Services บริการผู้ช่วยส่วนตัว และ TOYOTA ALIVE-X โปรแกรมสะสมคะแนน The 1 แลกเป็นส่วนลดสำหรับใช้บริการศูนย์โตโยต้า และร้านค้าในเครือเซ็นทรัล

เลือกเป็นเจ้าของ FORTUNER LEADER S 3 สี ได้แก่ สีขาว Platinum White Pearl (เพิ่ม 12,000 บาท), สีดำ Attitude Black Micaและสีเงิน Silver Metallic) ส่วนราคาของ FORTUNER LEADER มีดังนี้
2.4 Leader V เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อน 4 ล้อ 1,600,000 บาท
2.4 Leader V เกียร์อัตโนมัติ 1,530,000 บาท
2.4 Leader G เกียร์อัตโนมัติ 1,400,000 บาท
2.4 Leader S เกียร์อัตโนมัติ 1,239,000 บาท ใหม่
เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้นด้วยเงื่อนไขพิเศษ
ทางเลือกที่ 1 : ผ่อนเริ่มต้น 9,884 บาทต่อเดือน*
(คำนวณจาก Fortuner รุ่น Leader S ราคา 1,239,000 บาท ที่ดาวน์ 30% ผ่อนนาน 96 เดือน ดอกเบี้ย 3.25%)
หมายเหตุ *ผ่อนเริ่มต้น 9,884 บาทต่อเดือน สำหรับปีแรก (โดยคำนวณจากการรวมโปรแกรมช่วยผ่อน 1,500 บาทต่อเดือน นาน 12 เดือน) และผ่อน 11,384 บาทต่อเดือน สำหรับปีที่สองถึงปีที่แปด
 
ทางเลือกที่ 2 : ดอกเบี้ยพิเศษ 0.89% พร้อมประกันภัยชั้นหนึ่ง TOYOTA Care PHYD
*เงื่อนไขทั้งหมดเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด กรุณาตรวจสอบเงื่อนไขและสถาบันการเงินที่ร่วมรายการที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าใกล้บ้านท่าน หรือศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าโตโยต้า 1486 บริการด้วย Voice Bot 24 ชม. ทุกวัน
 
พร้อมขยายระยะรับประกันสูงสุด 5 ปี หรือ 150,000 กม. เมื่อเช็กระยะตามกำหนด จากโปรแกรม TCFR Plus+

13
โรคหัวใจใกล้ตัว 4 ชนิดและการออกกำลังกายบรรเทาโรค

โรคหัวใจมีกี่ระยะ   

การดำรงชีวิตประจำวันของคนไทยในปัจจุบันมีความเคร่งเครียดในเรื่องเศรษฐกิจกันมากขึ้น ความเป็นอยู่ที่ต้องเร่งรีบ พฤติกรรมการรับประทานอาหารที่เปลี่ยนไป โดยรับประทานผักกันน้อยลง และหันมาทานอาหารจานด่วนกันมากขึ้น ทำให้สถิติการเสียชีวิตจากการเกิดโรคหัวใจในประเทศไทยโดยเฉพาะการเสียชีวิตจากเส้นเลือดเลี้ยงหัวใจตีบเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเปรียบเทียบกับหลายปีที่ผ่านมา ตามสถิติของกรมควบคุมโรค 2566 อัตราการตายของคนไทยที่เสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดตีบเป็นอันดับหนึ่ง โดยเสียชีวิตชั่วโมงละ 8 คน ซึ่งเป็นสถิติที่สูงมาก ดังนั้นเรามารู้จักกับโรคหัวใจกันเถอะ เพื่อที่จะได้รู้จักใจเรามากขึ้น


โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด

โรคหัวใจชนิดนี้เกิดจากการตีบตันแคบ หรืออุดตันในหลอดเลือดโคโรนารี่ที่นำไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้หัวใจขาดเลือด จึงเกิดอาการต่าง ๆ เช่น จุกแน่น เสียด แสบบริเวณทรวงอก อาจแผ่กระจายไปที่ แขน ลำคอ ขากรรไกร กราม หากเป็นมากจะอ่อนเพลีย เหงื่อออก เป็นลม ใจสั่น จนถึงเสียชีวิตแบบเฉียบพลัน ถ้าท่านเจ็บหน้าอกและมีอาการร่วมอื่น ๆ ดังกล่าวข้างต้น และหรือเจ็บนานเกิน 15-20 นาที ควรรีบไปโรงพยาบาลโดยเร่งด่วน เพื่อรับการรักษาได้ทันท่วงที


โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด

เกิดเนื่องจากมีความผิดปกติของการเจริญเติบโตของหัวใจในขณะที่อยู่ในครรภ์มารดาโดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรก โรคหัวใจพิการที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากการมีรูโหว่ที่ผนังภายในหัวใจลิ้นหัวใจตีบตันหรือรั่ว หลอดเลือดผิดจากตำแหน่งปกติ


โรคหัวใจรูห์มาติค

พบในเด็กอายุ 7-15 ปี เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิดเบต้าฮีโมไลติคสเตร็ปโตคอคคัส ทำให้คออักเสบ ไข้สูง ร่างกายจะสร้างภูมิต้านทานต่อเชื้อโรคนี้ ถ้าได้รับเชื้อโรคนี้ซ้ำอีกจะเกิดอาการอักเสบที่ข้อเข่า ข้อศอก และสมอง กล้ามเนื้อหัวใจ เยื่อบุหัวใจ และลิ้นหัวใจ ถ้ามีอาการอักเสบซ้ำหลาย ๆ ครั้ง จะเกิดพังผืดขึ้นที่ลิ้นหัวใจจนเปิดไม่เต็มที่และหรือปิดไม่สนิท ทำให้ลิ้นหัวใจจะตีบแคบลงหรือรั่ว
โรคหัวใจจากความดันโลหิตสูง

ค่าความดันโลหิตที่เกิน 140/90 มม.ปรอท ถือว่าสูงผิดปกติ ถ้าความดันสูงเกิน 160/95 มม. ปรอท ผิดปกตินานๆ หัวใจต้องทำงานหนักและทำให้กล้ามเนื้อหัวใจหนาขึ้น ขนาดหัวใจโตขึ้นเกิดภาวะหัวใจวาย มีอาการเหนื่อยง่าย หอบ เท้าบวม นอนราบไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่จะเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเลี้ยง


ความเสี่ยงโรคหัวใจ

ผู้ชายมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคหัวใจมากกว่าผู้หญิง โดยอาการที่ส่อให้รู้ว่ากำลังถูกโรคหัวใจคุกคามคือ อาการเจ็บหน้าอก เหนื่อยง่าย โดยเฉพาะช่วงออกกำลังกาย หากสังเกตพบอาการดังกล่าวควรรีบมาพบแพทย์เฉพาะทางโดยด่วนเพื่อรับการวินิจฉัยโรคอย่างถูกต้อง


การออกกำลังกายเพื่อรับมือโรคหัวใจ

หลายคนอาจคิดว่าผู้ป่วยโรคหัวใจห้ามออกกำลังกาย ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะการออกกำลังกายที่เหมาะสมจะช่วยในการบริหารหัวใจ แต่ทั้งนี้การออกกำลังกายควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยแพทย์จะพิจารณาเป็นรายบุคคลขึ้นอยู่กับสภาพโรคหัวใจที่แตกต่างกัน

ในความดูแลของแพทย์ก่อนเริ่มต้นออกกำลังกายควร แพทย์จะประเมินสภาพของร่างกาย โรคแทรกซ้อน การเฝ้าติดตามการเต้นของหัวใจ การให้ผู้ป่วยได้เรียนรู้อาการ สัญญาณเตือนภัย การกำหนดความแรงของการออกกำลังกาย โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟูโรคหัวใจจะทำการทดสอบทั้งก่อนและหลังการออกกำลังกาย เพื่อหาความเหมาะสมให้


โรคหัวใจ ออกกำลังกายได้ไหม

ข้อแนะนำเบื้องต้นในการออกกำลังกายดูแลสุขภาพหัวใจ

ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยโรคหัวใจหรือผู้ต้องการออกกำลังเพื่อสุขภาพหัวใจที่ดี สามารถนำหลักปฏิบัติเหล่านี้ไปปรับใช้ให้เหมาะสม

    เลือกประเภทของการออกกำลังกายที่เหมาะสม คือ การออกกำลังกายแบบแอโรบิค เช่น การเดิน การวิ่ง การว่ายน้ำ การขี่จักรยานอยู่กับที่
    งดออกกำลังกายถ้ามีอาการไข้ ท้องเสีย พักผ่อนไม่เพียงพอ
    ระยะเวลาในการออกกำลังกายประมาณ 20-30 นาทีต่อครั้ง และควรปฏิบัติต่อเนื่องสัปดาห์ละ 3 – 5 วัน เป็นเวลาเดียวกันทุกวัน
    ไม่ออกกำลังกายหลังอิ่มอาหารทันที ควรรออย่างน้อย 1 ชม. ครึ่ง– 2 ชั่วโมง
    ควรออกกำลังกายในสถานที่ที่ไม่แออัด อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ร้อนหรือหนาวเกินไป
    อย่าให้ร่างกายขาดน้ำ ควรดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อชดเชยการเสียน้ำทั้งก่อน ระหว่าง และหลังกายออกกำลังกาย
    อย่ากลั้นหายใจขณะออกกำลังกาย ให้หายใจปกติ การหายใจไม่ควรติดขัด และควรจะพูดคุยได้ไม่เหนื่อยหอบ
    ต้องอุ่นเครื่อง (Warm-Up) ก่อนเริ่มออกกำลังกายและเบาเครื่อง (Cool – Down) ก่อนหยุดการออกกำลังกายเสมอ
    สวมเสื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้และรองเท้าที่สวมใส่สบาย
    ผู้ป่วยโรคหัวใจควรพกยาพ่นหรือยาอมใต้ลิ้นขยายหลอดเลือดหัวใจติดตัว และกรณีที่เจ็บหน้าอกขณะออกกำลังกายควรหยุดและปรึกษาแพทย์
    จะเป็นการดีหากมีเพื่อนร่วมออกกำลังกายด้วย


ประโยชน์ในการออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ

การออกกำลังกายในผู้ป่วยโรคหัวใจจะส่งผลดีต่อสมรรถภาพร่างกายของผู้ป่วย เนื่องจากร่างกายมีการปรับตัวในการนำออกซิเจนไปใช้ได้ดีขึ้น ทำให้ผู้ป่วยมีสมรรถภาพร่างกายที่ดีช่วยลดอาการต่าง ๆ ของโรคหลอดเลือดหัวใจ ช่วยในการป้องกันและควบคุมเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ความผิดปกติของระดับไขมันในเลือด เพิ่มความสามารถการละลายลิ่มเลือด และปรับปรุงการทำงานของเซลล์เยื่อบุผนังหลอดเลือด ทำให้สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ดีขึ้น มีสภาพจิตใจและคุณภาพชีวิตดีขึ้นด้วย

14
จัดฟันเด็ก แก้อาการฟันแท้หาย เจ็บหรือไม่

เด็กหลายคนอาจจะมีความกลัวที่จะเข้ารับการตรวจฟัน ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะความกลัวเป็นอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้กับคนทุกวัยโดยเฉพาะในวัยเด็ก ไม่ว่าจะเป็นกลัวความเจ็บปวด กลัวคนแปลกหน้า ความกลัวกับสถานการณ์ ใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยประสบมาก่อน ซึ่งสาเหตุของความกลัวนั้นบางครั้งยากที่จะอธิบาย แต่ปัจจัยที่อาจส่งผลให้เด็กเกิดความกลัวต่อหมอฟันหรือการรักษาทางทันตกรรมได้ เช่น ประสบการณ์การพบแพทย์ในอดีต โดยเฉพาะเด็กที่เจ็บป่วยต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลบ่อยๆ ก็อาจจะกลัวคนที่ใส่ชุดฟอร์มสีขาว หรือการที่เด็กได้ฟังคําบอกเล่าเรื่องประสบการณ์ที่ไม่ดีต่อการรักษาทางทันตกรรม ไม่ว่าจะเป็นจากเพื่อน ญาติพี่น้อง และสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่อาจคาดไม่ถึงก็คือความกลัวต่อการรักษาทางทันตกรรมของตัวพ่อแม่ผู้ปกครองเอง ซึ่งเด็กอาจจะรับรู้ได้จากพฤติกรรมบางอย่าง หรือจากสีหน้าที่มีความกังวลที่พ่อแม่แสดงออกมาโดยไม่รู้ตัว เป็นต้น


ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เด้กกลัวการเข้ารับการรักษาทางทันตกรรม สำหรับสาเหตุอีกข้อหนึ่งที่ทำให้เด็กกลัวหมอฟันคือ กลัวความเจ็บปวด เพราะเด็กบางคนที่มีปัญหาในเรื่องฟัน และมีอาการปวดฟันบ่อยๆจะรู้สึกกลัวเวลาที่ต้องเข้ารับการรักษาทางทันตกรรม แต่ถ้าหากเด็กจำเป้นที่จะต้องเข้ารับการรักษาทางทันตกรรมด้วยการจัดฟันในเด็ก แต่ยิ่งถ้าเด็กมีปัญหาในเรื่องของฟันแท้หายหรือที่เราเรียกว่าฟันฝัง พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องพูดกับเด็กให้เข้าใจว่า เหตุใดเราต้องเข้ารับการจัดฟันในเด็ก หลายคนอาจจะยังมีความกังวลว่า การแก้ปัญหาฟันแท้หายด้วยการจัดฟันในเด็กนั้น เจ็บหรือไม่

วันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงเรื่องของการจัดฟันในเด็กที่ช่วยแก้ไขปัญหาฟันหายว่าเจ็บหรือไม่ ต้องบอกก่อนว่า การจัดฟันในเด็ก เป็นการรักษาและแก้ไขความผิดปกติของฟันของเด็ก เพราะเด็กบางคนที่การขึ้นของฟันที่ผิดปกติหรือบางครั้งอาจจะมีอาการฟันแท้หาย สำหรับอาการฟันแท้หายหรือฟันฝังนั้น ฟันฝัง คือฟันที่ไม่ขึ้นเองตามธรรมชาติ มันถูกฝังอยู่ในกระดูกขากรรไกร โดยไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใด ไปชนกับฟันซี่ข้างเคียงเหมือนฟันคุด ฟันฝังมีได้ทั้งฟันหน้า ฟันเขี้ยว และฟันซี่อื่นๆ การรักษาฟันฝัง มีทั้งการดึงให้ขึ้น หรือผ่าทิ้ง


สำหรับการแก้ไขอาการฟันแท้ขึ้นไม่ครบ ทันตแพทย์จัดฟันจะติดเครื่องมือจัดฟัน เพื่อเปิดช่องว่างให้ฟันแท้ขึ้น อาจถอนฟันน้ำนมบางซี่ที่ขวางทาง เพื่อเปิดช่องว่างให้ฟันแท้ขึ้น หรือใช้วิธีอื่นๆ ตามความเหมาะสม เมื่อมีพื้นที่มากพอ ก็มีโอกาสที่ฟันแท้จะขึ้นได้เองตามธรรมชาติ เมื่ออายุประมาณ 10-12 ปี แต่หากอายุมากกว่านี้ โอกาสที่ฟันแท้จะขึ้นเอง ก็อาจมีน้อยลง  ดังนั้นการเข้ารับกาจัดฟันในเด็ก จึงสามารถแก้ไขปัญหาอาการฟันได้ และการรักษาอาการฟันหายนั้น ก็ไม่เจ็บอย่างที่คิด แต่การรักษาอาการฟันหายจะต้องมีการผ่าตัดเล็กเพื่อติดตั้งเครื่องมือที่ฟันที่ถูกฝังอยู่ในกระดูกขากรรไกร แต่จะไม่ทำให้รู้สึกเจ็บมาก ทันตแพทย์จัดฟันจะเริ่มให้แรง เพื่อเคลื่อนฟันฝังให้โผล่ขึ้นมา ในตำแหน่งที่ต้องการ ขั้นตอนนี้อาจใช้เวลาเป็นปี กว่าที่ฟันฝังจะเคลื่อนมาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่พูดทำความเข้าใจกับเด็กเพื่อให้เห็นถึงความสำคัญในการรักษา เพื่อที่เด็กจะได้มีฟันที่สวยงาม สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดสนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านทันตกรรมในเด็ก จึงสามารถให้ความรู้และคำปรึกษาเกี่ยวกับการดูแลรักษาความสะอาดและวิธีการปฏิบัติตัวขณะเข้ารับการจัดฟัน เพื่อที่จะได้มีผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพและสามารถใช้งานฟันได้อย่างเต็มที่ เพราะเราอยากให้เด็กๆทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตั้งแต่ยังเด็ก เพื่อที่จะได้มีสุขภาพฟันที่ดีในอนาคต เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น

15
งานมอเตอร์โชว์ Hyundai IONIQ 5 N Line โดดเด่นด้วยชุดแต่งดีไซน์จากสนามแข่ง ปรับความจุแบตเตอรี่ทำให้วิ่งได้ไกลขึ้นในราคา 1.988 ล้านบาท

ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย เปิดตัว IONIQ 5 N Line รุ่นปี 2025 เสริมไลน์อัป IONIQ 5 เจ้าของรางวัลระดับโลกด้วยดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น ผสานกับการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ พัฒนาไดนามิกการขับขี่ด้วยแบตเตอรี่ใหม่ การเปิดตัวรุ่น N Line ยังเป็นก้าวสำคัญของฮุนไดในการนำสุนทรียศาสตร์การออกแบบจากมอเตอร์สปอร์ตมาสู่กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า ตอบโจทย์ผู้ที่มองหาทั้งดีไซน์สปอร์ตและความอเนกประสงค์ในหนึ่งเดียว
 

นายเจ กิว จอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “N Line คือการออกแบบพิเศษของฮุนไดเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจมากขึ้นสำหรับรถไฟฟ้า โดยฮุนไดมุ่งทลายข้อจำกัดของการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ผ่านการนำเสนอนวัตกรรม สมรรถนะ และการออกแบบที่ล้ำสมัย ซึ่งรถยนต์ในรุ่น N Line ยังเป็นมากกว่าความสวยงาม เพราะผสมผสานทั้งองค์ประกอบดีไซน์แนวสปอร์ต ในขณะเดียวกันยังคงความสะดวกสบายสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองหรือเดินทางไกลบนทางหลวง IONIQ 5 N Line จึงเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสความเร้าใจในชีวิตประจำวัน”

IONIQ 5 N Line เปี่ยมพลังและนวัตกรรมที่ดีขึ้น
การอัปเกรดครั้งสำคัญของ IONIQ 5 N Line ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยชุดแบตเตอรี่แบบใหม่ขนาด 84.0 กิโลวัตต์ชั่วโมง เพิ่มระยะทางการขับขี่ได้สูงสุดถึง 530 กม. (จากเดิม 481 กม. ในแบตเตอรี่ขนาด 72.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง) มอบประสิทธิภาพและความมั่นใจในการเดินทางที่ไกลขึ้น

นอกจากนี้ดีไซน์ภายนอกยังได้รับการออกแบบใหม่เพื่อให้ดูสปอร์ต ด้วยดีไซน์ด้านหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมกันชนหน้า-หลัง และล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ที่ออกแบบใหม่เฉพาะรุ่น N Line เพื่อเพิ่มสมรรถนะด้านอากาศพลศาสตร์

ภายในห้องโดยสารของ IONIQ 5 N Line ผสานความสปอร์ตและความสะดวกสบายระดับพรีเมียมอย่างลงตัว พวงมาลัยหุ้มหนังฉลุลายพร้อมตะเข็บด้ายแดง เบาะนั่งสไตล์สปอร์ตหุ้มด้วยหนัง Alcantara พร้อมโลโก้ N เบาะผู้ขับขี่ปรับเอนนอนได้แบบ Zero Gravity ด้วยไฟฟ้าพร้อมที่พักขา เพิ่มบรรยากาศสปอร์ตด้วยคันเร่งและเบรกดีไซน์สปอร์ต แผงหน้าปัดดีไซน์ N Line และแผงบุหลังคาสีดำ คอนโซลกลางแบบ Universal Island ที่ปรับปรุงใหม่ วางปุ่มควบคุมต่าง ๆ ในตำแหน่งที่เข้าถึงง่าย พร้อมแท่นชาร์จไร้สายที่ย้ายมาตำแหน่งด้านบนของคอนโซลกลาง เพื่อความสะดวกสบายสูงสุดในทุกการเดินทาง

“Spark your drive. เติมตัวตนที่ใช่” ด้วย IONIQ 5 N Line
IONIQ 5 N Line เป็นโมเดลแรกที่ทำตลาดพร้อมชุดแต่ง N Line ของฮุนได เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจมากขึ้น โดยถูกวางตำแหน่งให้อยู่ระหว่าง IONIQ 5 และ รุ่นสมรรถนะสูงอย่าง IONIQ 5 N ผสมผสานแรงบันดาลใจจากโลกมอเตอร์สปอร์ตมายังการออกแบบ IONIQ 5 N Line ภายใต้สโลแกน “Spark your drive. เติมตัวตนที่ใช่” ที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณของยานยนต์กลุ่ม N ของฮุนได ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการโดดเด่นบนท้องถนนด้วยการออกแบบที่แตกต่าง ในขณะที่ยังคงความสะดวกสบายสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน

เทคโนโลยีการขับขี่ที่ปลอดภัย และล้ำสมัย
IONIQ 5 N Line ผสานเทคโนโลยีล่าสุดของฮุนไดเพื่อมอบความมั่นใจในการขับขี่ที่ปลอดภัยและชาญฉลาด มาพร้อมระบบอินโฟเทนเมนต์ล้ำสมัย ด้วยหน้าจอสัมผัสมัลติมีเดียขนาด 12.3 นิ้วและแผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ wireless  Apple CarPlay และ Android Auto เพื่อการเชื่อมต่อสมาร์ตโฟนที่สะดวกไร้สาย เพื่อเพิ่มความปลอดภัย IONIQ 5 N Line ยังติดตั้งระบบ Hyundai SmartSense™ ซึ่งมีทั้งระบบช่วยหลีกเลี่ยงการชนในจุดบอด (BCA) ระบบหลีกเลี่ยงการชนด้านหน้า (FCA) ระบบช่วยรักษาตำแหน่งในช่องเดินรถ (LKA) และระบบควบคุมในช่องเดินรถ (LFA) รวมถึงระบบควบคุมความเร็วคงที่อัจฉริยะ (SCC) พร้อมระบบ Stop & Go โดยคุณสมบัติเหล่านี้ช่วยเพิ่มความมั่นใจและความสะดวกสบายในการขับขี่ทางไกลของคุณ

นายวัลลภ เฉลิมวงศาเวช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การเปิดตัว IONIQ 5 N Line ถือเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย ในการเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยที่กำลังเปลี่ยนแปลง รถยนต์รุ่นนี้ถือเป็นการขยายไลน์อัปของ IONIQ 5 โดยผสานการออกแบบที่นำแรงบันดาลใจจากวงการมอเตอร์สปอร์ตเข้ากับเทคโนโลยีไฟฟ้าขั้นสูง เพื่อนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าที่เน้นสมรรถนะมาสู่ตลาดเมืองไทย ยกระดับพอร์ตโฟลิโอของ IONIQ และเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ฮุนไดในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียม”


IONIQ 5 N Line เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 1.988 ล้านบาท ผู้ที่สนใจสามารถสัมผัสรถคันจริง ได้ที่ IONIQ Lab อาคารทรูดิจิทัลพาร์ค ฝั่งเวสต์ ได้ระหว่างวันที่ 21-28 กุมภาพันธ์ 2568 หรือพบกับข้อเสนอสุดพิเศษได้ที่ งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม - 6 เมษายน 2568 ณ IMPACT Challenger กรุงเทพฯ

หน้า: [1] 2 3 ... 24