ผู้เขียน หัวข้อ: motor expo 2025: HARLEY-DAVIDSON เปิดตัวขุมพลังใหม่ MILWAUKEE-EIGHT 117 พร้อมเผย  (อ่าน 4 ครั้ง)

siritidaphon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 457
  • เครื่องจักรอุตสาหกรรม,สินค้าอุตสาหกรรม
    • ดูรายละเอียด
motor expo 2025: HARLEY-DAVIDSON เปิดตัวขุมพลังใหม่ MILWAUKEE-EIGHT 117 พร้อมเผย
« เมื่อ: วันที่ 14 มิถุนายน 2025, 22:28:58 น. »
motor expo 2025: HARLEY-DAVIDSON เปิดตัวขุมพลังใหม่ MILWAUKEE-EIGHT 117 พร้อมเผยโฉมไลน์อัพรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Cruiser รุ่นใหม่ล่าสุดปี 2025 ครั้งแรกในประเทศไทย

Harley-Davidson จัดงานเปิดตัว BEYOND THE ORDINARY POWERED BY 2025 HARLEY-DAVIDSON CRUISER 117 LINEUP อย่างยิ่งใหญ่ ถือเป็นการเผยโฉมไลน์อัพรถมอเตอร์ไซค์ Cruiser รุ่นใหม่ครั้งแรกในประเทศไทย โดยรถมอเตอร์ไซค์ Cruiser รุ่นปรับโฉมใหม่เหล่านี้ ถือเป็นรุ่นสานต่อตำนานแห่งดีไซน์ สมรรถนะ และนวัตกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของ Harley-Davidson พร้อมยกระดับขุมพลังด้วยเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight™ V-Twin ขนาด 117 ที่ติดตั้งมาในทุกรุ่น

งานเปิดตัวสุดพิเศษในครั้งนี้ จัดขึ้นที่ Factopia Studio โดยมีสื่อมวลชน เหล่าสมาชิก Harley-Davidson Freedom Crew อินฟลูเอนเซอร์ และตัวแทนจำหน่ายจากทั่วประเทศมาร่วมงานกันอย่างคับคั่งโดยมี มาร์ค โอ ฟลาเฮอร์ตี้ กรรมการผู้จัดการ Harley-Davidson สำหรับตลาดเกิดใหม่ในเอเชียและอินเดีย เป็นผู้เปิดตัวไลน์อัพรถมอเตอร์ไซค์ Cruiser รุ่นปี 2025 อย่างเป็นทางการ ประกอบด้วยรุ่น Low Rider™ S, Low Rider™ ST, Breakout™, Heritage Classic, Fat Boy™ และ Street Bob™ พร้อมกันนี้ ภายในงานยังได้รับเกียรติจาก กาย-รัชชานนท์ สุประกอบ หนึ่งในสมาชิก Freedom Crew มาร่วมดำเนินรายการอย่างเป็นกันเอง

ผู้ร่วมงานยังได้ร่วมกันฉลองให้กับรถมอเตอร์ไซค์ระดับไอคอนิกรุ่น Fat Boy ในโอกาสครบรอบ 35 ปี โดยมีไฮไลต์สำคัญ คือการจัดแสดงรถมอเตอร์ไซค์รุ่นพิเศษ Fat Boy™ Gray Ghost ที่มีจำนวนจำกัดเพียง 1,990 คันทั่วโลก โดยคันที่นำมาจัดแสดงในงานนี้ เป็นรถของลูกค้าสุดเอ็กซ์คลูซีฟ มีเพียงคันเดียวในประเทศไทย เพื่อร่วมเฉลิมฉลองโอกาสสุดพิเศษในปีนี้อย่างยิ่งใหญ่  การเปิดตัวไลน์อัพรถมอเตอร์ไซค์ Cruiser 117 รุ่นปี 2025 ในครั้งนี้ ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Harley-Davidson ที่มีต่อตลาดประเทศไทย พร้อมส่งมอบความตื่นเต้นครั้งใหม่และแรงบันดาลใจให้กับเหล่านักขับขี่และผู้หลงใหลในแบรนด์ โดยรถมอเตอร์ไซค์ Cruiser 6 รุ่นใหม่นี้ ล้วนสะท้อนถึงเป้าหมายของแบรนด์ในการผลักดันและสร้างความคึกคักให้กับตลาดเกิดใหม่ในเอเชียอย่างต่อเนื่อง

รถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Cruiser ปี 2025
Harley-Davidson พลิกโฉมรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Cruiser ปี 2025 ระดับไอคอนนิกจำนวน 6 รุ่น มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ ผสานกับสมรรถนะที่ได้รับการยกระดับและดีไซน์อันทันสมัย โดยรถมอเตอร์ไซค์ Cruiser ทุกรุ่นขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 117 พร้อมด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ และโครงสร้าง Harley-Davidson Softail TM ที่มาพร้อมระบบกันสะเทือนหลังแบบโมโนช็อค (Monoshock) โดยไลน์อัพรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Cruiser ปี 2025 ประกอบด้วยรุ่น Low Rider S, Low Rider  ST, Breakout , Heritage Classic, Fat Boy, และ Street Bob ซึ่งรถแต่ละรุ่นล้วนสะท้อนถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวตั้งแต่ความคลาสสิกย้อนยุคไปจนถึงสมรรถนะที่มาพร้อมกับดีไซน์สุดล้ำ

เปิดตัวขุมพลังใหม่ MILWAUKEE-EIGHT™ 117 สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Cruiser ปี 2025
รถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson ตระกูล Cruiser รุ่นปี 2025 จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 117 รุ่นใหม่ล่าสุด 3 เวอร์ชั่น โดยได้รับการออกแบบใหม่ตั้งแต่ฝาสูบ ลิ้นปีกผีเสื้อไปจนถึงท่อร่วมไอดี พร้อมปรับจูนให้เหมาะสมกับเอกลักษณ์ และสไตล์การขับขี่ของแต่ละรุ่น เพื่อมอบสมรรถนะ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่ได้อย่างลงตัว
ข้อมูลเครื่องยนต์ทั้ง 3 แบบ
MILWAUKEE-EIGHT™ 117 CLASSIC (สำหรับรุ่น Street Bob™ และ Heritage Classic) เครื่องยนต์นี้ได้รับการปรับจูนให้มีแรงบิดที่เรียบเนียนต่อเนื่อง เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง เน้นความง่ายในการควบคุม เสียงเครื่องยนต์โดดเด่นด้วยปลายท่อเดี่ยว และแอร์คลีนเนอร์ทรงกลมแบบดั้งเดิม ให้ประสบการณ์เสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของ Harley-Davidson โดยรุ่นนี้ให้แรงบิดสูงสุดที่ 163 นิวตันเมตร (120 ปอนด์-ฟุต) และกำลังสูงสุด 98 แรงม้า (73 กิโลวัตต์) ซึ่งมากกว่าเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight™ 114 รุ่นก่อนถึง 4% และแรงบิดเพิ่มขึ้น 1 ปอนด์-ฟุต (ตามสเปกสหรัฐฯ) พร้อมระบบไอเสียแบบ 2-ออก-1 ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายไอเสียจากห้องเผาไหม้ได้ดีขึ้น
MILWAUKEE-EIGHT™ 117 CUSTOM (สำหรับรุ่น Fat Boy™ และ Breakout™) ได้รับการปรับจูนเพื่อเน้นพลัง และแรงบิดที่เร้าใจ โดยมอบกำลังสูงสุดถึง 104 แรงม้า (78 กิโลวัตต์) และแรงบิดสูงสุด 171 นิวตันเมตร (126 ปอนด์-ฟุต) มากกว่าเครื่องยนต์รุ่น Classic ถึง 6% ในด้านพลัง และ 5% ในด้านแรงบิด (ตามสเปกสหรัฐฯ) เมื่อเปรียบเทียบกับ Fat Boy 114 รุ่นปี 2024เครื่องยนต์นี้ให้กำลังเพิ่มขึ้นถึง 11% และแรงบิดเพิ่มขึ้น 6% โดยมาพร้อมระบบไอเสียแบบ 2-ออก-2 แยกท่ออิสระ พร้อมหม้อกรองแยกเฉพาะในแต่ละท่อ ช่องอากาศขนาด 4 ลิตร ใหญ่กว่ารุ่นเดิมถึง 50% ช่วยเพิ่มการไหลเวียนอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ เสียงระบบไอดีลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้เสียงท่อไอเสียโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
MILWAUKEE-EIGHT™ 117 H.O. (HIGH OUTPUT) (สำหรับรุ่น Low Rider™ S และ Low Rider™ ST) ออกแบบมาสำหรับผู้ที่ชื่นชอบสมรรถนะในรอบสูง พร้อมเสียงเครื่องยนต์ที่ดุดัน รุ่นนี้ให้กำลังสูงสุดถึง 114 แรงม้า (85 กิโลวัตต์) และแรงบิด 174 นิวตันเมตร (128 ปอนด์-ฟุต) เพิ่มขึ้นถึง 11% จากเครื่องยนต์ 117 รุ่นก่อนหน้า ที่ใช้ใน Low Rider S และ Low Rider ST รุ่นปี 2024
เครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 117 รุ่นใหม่ ยกระดับ Redline เพิ่มจาก 5,600 rpm (ในรุ่น Classic และ Custom) เป็น 5,900 rpm ช่วยเพิ่มช่วงกำลังในจังหวะเร่ง ส่วนระบบไอดี Heavy Breather ที่หันหน้ารับลมตรง ช่วยเพิ่มโฟลว์ของอากาศเข้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมปรับเสียงให้กระหึ่ม เร้าใจขณะเร่งความเร็ว ระบบไอเสียแบบ 2-ออก-1 ยังช่วยปรับจูนเครื่องให้ขับขี่ได้นุ่มนวลในรอบเดินเบา และให้เสียงท่อดุดันเมื่อเร่งเครื่อง เครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 117 ใหม่ทั้ง 3 แบบที่ใช้ในตระกูล Cruiser ยังสามารถยกระดับสมรรถนะเพิ่มเติมได้ด้วยชุด Screamin’ Eagle™ Stage Kits และชุดแต่ระบบไอดีและไอเสีย จาก Screamin’ Eagle ที่ออกแบบมาสำหรับเครื่องยนต์รุ่นใหม่โดยเฉพาะ ช่วยเพิ่มศักยภาพได้มากกว่ารุ่น Milwaukee-Eight 114 และ 117 รุ่นเดิมในปี 2024 อย่างมีนัยสำคัญ

รถมอเตอร์ไซค์ Heritage Classic รุ่นปี 2025: ความโมเดิร์นในแบบคลาสสิก
รถรุ่น Heritage Classic ปี 2025 คือ Cruiser อเมริกันในอุดมคติ ที่เปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์สุดวินเทจ ในสไตล์ร็อกแอนด์โรล แม้จะเต็มไปด้วยกลิ่นอายความคลาสสิก แต่ Heritage Classic ปี 2025 ก็พัฒนามาเพื่อผู้ขับขี่ยุคใหม่ โดยรุ่นปรับโฉมนี้ ยังคงดีไซน์เหนือกาลเวลาของ Harley-Davidson ตระกูล Cruiser ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากมอเตอร์ไซค์ยุค 1950s ไว้ได้อย่างครบถ้วน

หัวใจหลักของ Heritage Classic รุ่นปี 2025 คือเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight™ 117 Classic V-Twin รุ่นใหม่ ซึ่งได้รับการปรับจูนเพิ่มแรงบิดรอบต่ำที่ทรงพลัง และการเร่งที่นุ่มนวลมั่นใจ ไม่ว่าจะขับขี่ในเมืองหรือออกเดินทางไกลในช่วงสุดสัปดาห์ ระบบไอเสียแบบใหม่ 2-ออก-1 และระบบไอดีรุ่นใหม่ ช่วยเติมเต็มสมดุลระหว่างดีไซน์คลาสสิกตามแบบฉบับดั้งเดิม และสมรรถนะทันสมัยได้อย่างลงตัว
เครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 117 Classic รุ่นใหม่

ท่อไอเสียเดี่ยวดีไซน์ใหม่ ช่วยให้กระเป๋าข้างดูสมมาตรลงตัว พร้อมความจุที่เพิ่มขึ้นในกระเป๋าด้านขวา กระเป๋าทั้งสองข้างสามารถปิดสนิทและล็อกได้ ความจุสัมภาระรวมอยู่ที่ 45 ลิตร (1.6 ลูกบาศก์ฟุต)
ลายเส้น Pinstripe (Paint Trajectory Pinstriping) ดีไซน์ใหม่ มีให้เลือกทุกเฉดสี รวมถึงสีแบบ ทูโทน Whiskey Fire ตัดกับ Vivid Black โดดเด่นด้วยลาย “Scallop” สไตล์ย้อนยุคบริเวณถังน้ำมัน และลายแยกบนบังโคลนหน้า-หลัง ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากดีไซน์ในยุค 1930s และ 1950s เสริมความคลาสสิกไปอีกระดับด้วยโลโก้ถังน้ำมันโครเมียมทรงเพชร พร้อมพื้นหลังลายรัศมีสีฟ้าแบบอะคริลิก ที่สะท้อนถึงตราสัญลักษณ์สุดคลาสสิกของ Harley-Davidson ในช่วงปลายยุค 1950s
งานตกแต่งใหม่ผสมผสานโทนดำ และโครเมียม ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรุ่น Heritage ในอดีต โดยใช้โทนดำในส่วนของท่อไอเสีย คอนโซล ล้อหน้า-หลัง โช้คอัพบน-ล่าง แฮนด์บาร์ และด้านล่างของชิลด์หน้า ส่วนเครื่องยนต์เป็นสีดำพร้อมครีบระบายความร้อนแบบปาดเงา ฝาครอบวาล์วและฝาครอบเครื่องใช้โครเมียม รวมถึงฝาครอบกรองอากาศแบบโครเมียม (ไม่มีตัวเลือกโครเมียมเต็มคันสำหรับรถมอเตอร์ไซค์รุ่นปี 2025)

ล้อแม็กหล่อ 9 ก้านสีดำดีไซน์ใหม่ ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น
ล้อซี่ลวดแบบไม่ใช้ยางใน ดีไซน์แบบวินเทจที่มาพร้อมความสะดวกแบบใหม่ รองรับระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง (TPMS) และช่วยลดน้ำหนักจากการไม่ต้องใช้ยางในแบบล้อซี่ลวดดั้งเดิม

ชิลด์หน้าขนาดเต็มแบบถอดได้ พร้อมดีไซน์ช่วงล่างสีเข้ม เสริมความคลาสสิกและปกป้องลมขณะขับขี่

รถมอเตอร์ไซค์รุ่น Heritage Classic รุ่นปี 2025 มีราคาเริ่มต้นที่ 1,136,000 บาท

Street Bob รุ่นปี 2025: เกิดมาเพื่อเป็นคุณ
รถมอเตอร์ไซค์ Street Bob มีน้ำหนักเบาและปราดเปรียว เร็วขึ้นกว่าเดิมด้วยพลังจากเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 117 Classic รุ่นใหม่ รถมอเตอร์ไซค์ Cruiser ทรงเพรียวคันนี้ช่วยให้ควบคุมรถได้คล่องตัว พร้อมมอบพลังขับเคลื่อนที่เกินขีดจำกัดและดีไซน์อันดุดัน ตั้งแต่แฮนด์บาร์ทรง mini apes จนถึงบังโคลนหลังแบบตัด รถมอเตอร์ไซค์ Street Bob เป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่รวมไว้ทั้งสไตล์ สมรรถนะ และความขับขี่ที่ลงตัวในคันเดียว

เครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 117 Classic รุ่นใหม่ 
มาพร้อมโลโก้ถังน้ำมันแบบ “Stretched Diamond” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากผลงานต้นฉบับของ Willie G. ในปี 1966 แทนที่กราฟิกแบบ wet-slide เดิม เสริมความโดดเด่นด้วยงานตกแต่งโครเมียมเงาบนท่อไอเสีย, ฝาครอบกรองอากาศ, ฝาวาล์ว และฝาครอบเครื่องยนต์ ผสมผสานกับชิ้นส่วนโทนดำด้านอย่างโครงยึดบังโคลนหลัง, ขอบล้อ, แฮนด์บาร์ และโคมไฟหน้า เพื่อให้ได้ลุคที่ทั้งคลาสสิก และร่วมสมัย

ล้อซี่ลวดแบบไม่ใช้ยางใน ดีไซน์แบบวินเทจที่มาพร้อมความสะดวกแบบใหม่ รองรับระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง (TPMS) และช่วยลดน้ำหนักจากการไม่ต้องใช้ยางในแบบล้อซี่ลวดดั้งเดิม
ล้อมาตรฐานแบบ Annihilator ล้อหล่ออะลูมิเนียมเคลือบสีดำ

ถังน้ำมันเพรียวบางขนาด 3.5 แกลลอน
บังโคลนหลังดีไซน์สั้นสไตล์ Chopped
เบาะนั่งเดี่ยว พร้อมเบาะเสริมสำหรับผู้ซ้อน
แฮนด์บาร์ทรง Mini-ape ยกสูง พร้อมปะทะลมขณะขับขี่

รถมอเตอร์ไซค์รุ่น Street Bob รุ่นปี 2025 มีราคาเริ่มต้นที่ 889,000 บาท

Fat Boy รุ่นปี 2025: หมัดน็อคเอาท์จากรุ่นเฮวี่เวต
นับตั้งแต่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในปี 1990 Harley-Davidson Fat Boy ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งจิตวิญญาณอันทรงพลังของรถสองล้อ และในปี 2568 อันเป็นวาระครบรอบปีที่ 35 ของรถมอเตอร์ไซค์ระดับตำนานรุ่นนี้ Harley-Davidson ได้อัปเกรดดีไซน์ และสมรรถนะ โดยยังคงไว้ซึ่งจิตวิญญาณดั้งเดิมของแบรนด์ และภาพลักษณ์ในวัฒนธรรมป๊อป รวมถึงความเป็นไอคอนสายคัสตอมสุดโดดเด่น ด้วยรูปลักษณ์ที่ดุดัน ล้อ Lakester™ และโครงไฟหน้าแบบเฉพาะตัว ทำให้ Fat Boy ยังคงเป็นหนึ่งในรถมอเตอร์ไซค์สุดทรงพลังและโดดเด่นที่สุดในไลน์อัพของ Harley-Davidson

เครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 117 Custom รุ่นใหม่
มาพร้อมกับเฉดสี และกราฟิกใหม่ โดดเด่นด้วยตราสัญลักษณ์โครเมียมบนถังน้ำมัน ดีไซน์ดาวตรงกลางและปีกพาดท้าย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของรุ่น Fat Boy โดยเฉพาะ พร้อมเพิ่มลายเส้นและเฉดสีแบบทูโทนใหม่ล่าสุด และสร้างความสะดุดตาด้วยคู่สีตัดกันระหว่าง Vivid Black และ Whiskey Fireนอกจากนี้ตัวรถยังมาพร้อมโครเมียมเงางามในหลายจุด เช่น ท่อไอเสีย โครงบังโคลนหลัง ฝาครอบเครื่องยนต์และ Rocker Box คอนโซลถังน้ำมัน ฝาครอบกรองอากาศ

ยางสมรรถนะสูงระดับพรีเมียม (หน้า 160/60R18, หลัง 240/40R18) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่และการควบคุมรถ
ล้อหล่ออะลูมิเนียมดีไซน์พิเศษแบบ Lakester ตอกย้ำความแข็งแกร่ง และพลังของตัวรถ
บังโคลนหน้าหลังแบบตัดสั้น ช่วยให้ขนาดยางดูโดดเด่น สร้างภาพลักษณ์ที่หนักแน่น และสะดุดตายิ่งขึ้น

รถมอเตอร์ไซค์รุ่น Fat Boy รุ่นปี 2025 มีราคาเริ่มต้นที่ 1,272,000 บาท

Breakout รุ่นปี 2025: ความโดดเด่นที่สะกดทุกสายตา
ด้วยสไตล์ชอปเปอร์ทรงยาว และเพรียวบาง Breakout คือรถมอเตอร์ไซค์ที่เปี่ยมไปด้วยพลังกว่าใครบนท้องถนน ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 117 แบบ Custom อัดแน่นด้วยแรงบิด ส่งพลังตรงสู่ยางหลังขนาดใหญ่ 240 มม. ซึ่งอวดโฉมผ่านบังโคลนท้ายทรง bobtail ไม่ว่าโลดแล่นไปที่ไหน Breakout ก็จะสะกดทุกสายตา และฝากความประทับใจไว้ไม่รู้ลืม

เครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 117 Custom รุ่นใหม่ 

ไฟหน้าใหม่แบบทรงกลมขนาด 5.75 นิ้ว มาแทนไฟหน้าทรงรีแบบเดิม เพิ่มลุคที่เฉียบคม และคลาสสิกยิ่งขึ้น
สี และกราฟิกใหม่ มาพร้อมลวดลายโลโก้ Bar and Shield แบบโมโนโครมลายจางบนถังน้ำมัน เสริมความเรียบหรูและเท่ในสไตล์ Ghosted & Faded โดยชิ้นส่วนที่ตกแต่งด้วยโครเมียมประกอบด้วย ท่อไอเสีย ฝาครอบด้านข้าง คอนโซลถังน้ำมัน โครงบังโคลนหลัง ฝาครอบกรองอากาศ กระจกมองข้าง ตัวโคมไฟหน้า

ยางสมรรถนะสูงระดับพรีเมียม (หน้า 130/60B21, หลัง 240/40R18) เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการขับขี่ และการควบคุมรถ
ล้อหล่ออะลูมิเนียมแบบ 26 ซี่ เคลือบสีดำเงา Gloss Black กลึงหน้าเคลือบสีเงินโลหะเสริมความโดดเด่น

แฮนด์บาร์สแตนเลสทรง Drag พร้อมตัวยกแบบ Pull-back ยกระดับทั้งสไตล์และการควบคุม ให้ท่าทางการขับขี่ที่พอดีกับผู้ขับ
บังโคลนหลังแบบตัดสั้น (Bobbed) โชว์ยางหลังให้ดูดุดันและเต็มตายิ่งขึ้น
มุมองศาโช้คหน้า 36 องศา เติมเต็มสไตล์ชอปเปอร์แบบ Raked-out ให้กับรถมอเตอร์ไซค์ 

รถมอเตอร์ไซค์รุ่น Breakout รุ่นปี 2025 มีราคาเริ่มต้นที่ 1,262,000 บาท

Low Rider S  รุ่นปี 2025: ความห้าวหาญที่ส่งตรงจากโรงงาน
Low Rider S คือ รถมอเตอร์ไซค์สุดยอดสมรรถนะ ออกแบบมาเพื่อนักขับขี่ที่มองหารถมอเตอร์ไซค์สมรรถนะสูงที่มาพร้อมกับขุมพลังเหนือขีดจำกัด ดีไซน์โดดเด่นถ่ายทอดไลฟ์สไตล์แบบ West Coast มาเต็มพิกัด ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 117 H.O. ที่ให้สมรรถนะดุดันเหนือขีดจำกัด

เครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 117 H.O. รุ่นใหม่ 
ไฟท้ายดีไซน์ใหม่ พร้อมลวดลาย LED ที่ให้ความสว่างเพิ่มขึ้น

ตกแต่งภายนอกแบบปรับโฉมใหม่ พร้อมดีเทลสีแดง Performance Red บนฝาครอบกรองอากาศ, ฝาไทม์เมอร์, คลัตช์, derby cover และโลโก้ Bar & Shield บนกระเป๋าข้าง ล้อหล่ออะลูมิเนียม Radiate สีดำมาแทนล้อสีบรอนซ์แบบเดิม

โช้คหน้าแบบหัวกลับขนาด 43 มม. ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับส่วนหน้าของตัวรถ ทำให้การตอบสนองต่อการควบคุมพวงมาลัยดียิ่งขึ้น ระบบโช้กเดี่ยวด้านหลังที่ยกสูง ช่วยเพิ่มองศาการเอียงขณะเข้าโค้ง และยกระดับสมรรถนะในการขับขี่แบบสปอร์ตอย่างมั่นใจ
ดิสก์เบรกคู่ด้านหน้าขนาด 300 มม. มอบพลังเบรกที่ตอบสนองได้อย่างแม่นยำ ตอบโจทย์ผู้ขับขี่สายดุดันโดยเฉพาะ
ยางสมรรถนะสูงระดับพรีเมียม (ล้อหน้า 110/90B19, ล้อหลัง 180/70B16) เพิ่มทั้งความมั่นใจในการขับขี่ และการควบคุมรถที่เฉียบคมยิ่งขึ้น
แฟริ่งหน้าขนาดเล็กแบบเข้าชุดสีตัวรถ กรอบล้อมรอบไฟหน้า ช่วยลดแรงลมเมื่อขับด้วยความเร็วบนทางหลวง
เบาะนั่งเดี่ยวทรงลึก ช่วยยึดผู้ขับให้อยู่กับที่ในช่วงเร่งเครื่องหรือเข้าโค้งอย่างมั่นใจ
แฮนด์มอเตอร์ไซค์ขนาด 1 นิ้ว ติดตั้งบนตัวยกแบบ Pull-back สูง 4 นิ้ว สไตล์ Club Bike ที่ช่วยให้ท่าทางการขับขี่ดูดุดันหนักแน่นยิ่งขึ้น

รถมอเตอร์ไซค์รุ่น Low Rider S รุ่นปี 2025 มีราคาเริ่มต้นที่ 1,171,000 บาท

Low Rider ST รุ่นปี 2025: ทุกองค์ประกอบสะท้อนตัวตน
รถมอเตอร์ไซค์สายสปอร์ตทัวร์ริ่งที่มาพร้อมกับสไตล์ Harley-Davidson อย่างแท้จริง โดยรถรุ่น Low Rider ST  เหมาะกับการขับขี่ท่องเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง V-Twin สไตล์อเมริกัน สำหรับนักขับขี่ที่หลงใหลสไตล์ West Coast แบบเรียบง่ายเฉียบคม ทรงพลังและพร้อมจะออกเดินทางไปในทุกที่

เครื่องยนต์ Milwaukee-Eight 117 H.O. รุ่นใหม่ 
ท่อไอเสียเดี่ยวดีไซน์ใหม่ ช่วยให้กระเป๋าข้างดูสมมาตรลงตัว พร้อมความจุที่เพิ่มขึ้นในกระเป๋าด้านขวา มาพร้อมกับทรงสวยแบบเปลือกหอย Clam-shell  สามารถล็อกได้ถอดและติดตั้งได้ง่าย ติดตั้งไว้บนตำแหน่งสูงเหนือท่อไอเสียเพื่อเสริมลุคสุดยอดสมรรถนะของรุ่น Low Rider ST โดยมีความจุสัมภาระรวมทั้งสองข้าง: 56.6 ลิตร (2.0 ลูกบาศก์ฟุต)

ตกแต่งภายนอกแบบปรับโฉมใหม่ พร้อมดีเทลสีแดง Performance Red บนฝาครอบกรองอากาศ, ฝาไทม์เมอร์, คลัตช์, derby cover และโลโก้ Bar & Shield บนกระเป๋าข้าง ล้อหล่ออะลูมิเนียม Radiate สีดำมาแทนล้อสีบรอนซ์แบบเดิม

Chrome Trim Option เพิ่มทางเลือกตกแต่งด้วยโครเมียมเงางามบนล้อ Radiate, ท่อไอเสีย, ฝาครอบกรองอากาศ, ฝา Rocker, ฝาไทม์เมอร์, คลัตช์ และ derby cover, โลโก้กระเป๋าข้าง, แฮนด์, ตัวยกแฮนด์, คอนโซล และกระจกมองข้าง ชุดแต่งโครเมียมยังมาพร้อมกราฟิก "ปีก" บนถังน้ำมันแบบ wet-slide ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากรุ่น Tour Glide™ ปี 1981
ไฟท้ายดีไซน์ใหม่ พร้อมลวดลาย LED ที่ให้ความสว่างเพิ่มขึ้น
โช้คหน้าแบบหัวกลับขนาด 43 มม. ช่วยเพิ่มความแข็งแรงด้านหน้าของรถ และตอบสนองการควบคุมได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น ระบบโช้กเดี่ยวด้านหลังที่ยกสูง ช่วยเพิ่มองศาการเอียงขณะเข้าโค้ง และยกระดับสมรรถนะในการขับขี่แบบสปอร์ตอย่างมั่นใจ
ดิสก์เบรกคู่ด้านหน้าขนาด 300 มม. มอบพลังเบรกที่ตอบสนองได้อย่างแม่นยำ ตอบโจทย์ผู้ขับขี่สายดุดันโดยเฉพาะ
ยางสมรรถนะสูงระดับพรีเมียม (หน้า 110/90B19, หลัง 180/70B16) เพิ่มทั้งความมั่นใจในการขับขี่และการควบคุมรถที่เฉียบคมยิ่งขึ้น
แฟริ่งติดเฟรม ได้แรงบันดาลใจจากแฟริ่งรุ่นคลาสสิก FXRT Sport Glide™ ซึ่งได้รับความนิยมจากสายคัสตอมฝั่ง West Coast ช่องลมแบบช่องเดี่ยวและช่องแยกแบบ Softail Cruiser ช่วยลดแรงปะทะของลมที่หมวกกันน็อกขณะขับขี่ด้วยความเร็วบนทางด่วน
เบาะนั่งเดี่ยวทรงลึก ช่วยยึดผู้ขับให้อยู่กับที่ในช่วงเร่งเครื่องหรือเข้าโค้งอย่างมั่นใจ
แฮนด์มอเตอร์ไซค์ขนาด 1 นิ้ว ติดตั้งบนตัวยกแบบ Pull-back สูง 4 นิ้ว สไตล์ Club Bike ที่ช่วยให้ท่าทางการขี่ดูดุดันและแน่นหนามากยิ่งขึ้น

รถมอเตอร์ไซค์รุ่น Low Rider ST รุ่นปี 2025 โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 1,269,000 บาท
 
ไลน์อัพรถมอเตอร์ไซค์ Harley-Davidson Cruiser 117 รุ่นปี 2025 จะวางจำหน่ายเร็ว ๆ นี้ ที่ผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Harley-Davidson ทั่วประเทศ ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อผู้แทนจำหน่าย Harley-Davidson เพื่อทดลองขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ รวมถึงบริการให้คำแนะนำสำหรับการคัสตอม และข้อมูลอัพเดทล่าสุดเกี่ยวกับอะไหล่ อุปกรณ์ตกแต่ง และสินค้าไลฟ์สไตล์รุ่นใหม่ทั้งหมด และยังมีไลน์อัพรถมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ที่เปิดตัวในปี 2025 และพร้อมจำหน่ายในประเทศไทย มีดังนี้

Street Glide Ultra ราคาเริ่มต้นที่ 1,715,000 บาท
CVO Street Glide ราคาเริ่มต้นที่ 3,191,000 บาท
CVO Road Glide ราคาเริ่มต้นที่ 3,246,000 บาท
CVO Road Glide ST ราคาเริ่มต้นที่ 3,439,000 บาท
Street Bob ราคาเริ่มต้นที่ 889,000 บาท
Heritage Classic ราคาเริ่มต้นที่ 1,136,000 บาท
Fat Boy ราคาเริ่มต้นที่ 1,272,000 บาท
Breakout ราคาเริ่มต้นที่ 1,262,000 บาท
Low Rider S ราคาเริ่มต้นที่ 1,171,000 บาท
Low Rider ST ราคาเริ่มต้นที่ 1,269,000 บาท
Sportster S ราคาเริ่มต้นที่ 638,000 บาท
Nightster (สี Snake Venom) ราคาเริ่มต้นที่ 527,000 บาท